เข้าช่วงสิ้นปี ใครที่รู้ตัวว่ารายได้ต้องเสียภาษี มาหาทางลดหย่อนภาษี เก็บเงินไว้ใช้ชีวิตกันดีกว่า ว่าแต่ปี 2018 นี้มีรายการลดหย่อนภาษีอะไรบ้าง?
เช็คภาษี-สิทธิลดหย่อนได้ง่ายนิดเดียวแค่คลิก!
ก่อนจะต้องกรอกภาษีในเว็บของภาครัฐ แนะนำว่าให้ลองกรอกไปที่เว็บไซด์คำนวนลดหย่อนภาษีที่มีมากมายเช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) , บลจ.กสิกรไทย และเว็บไซต์ iTax
หลักการพื้นฐานที่ต้องรู้ในการวางแผนภาษีคือ เมื่อรวบรวมเอกสารรายได้-รายจ่าย-ลงทุน ฯลฯ ไว้แล้ว ต้องคำนวนว่ารายได้ทั้งปีอยู่ที่เท่าไร เช็คว่ารายการที่ใช้ลดหย่อนภาษี (รายจ่าย เงินลงทุน สิทธิ ฯลฯ) มาลบรายได้ทั้งหมด ทำให้ฐานรายได้ที่ต้องเสียภาษีลดลง ดังนั้นก็จะเสียภาษีแค่ส่วนที่เหลือ (ภาษีเสียตามฐานรายได้)
การลดหย่อนภาษีแบ่งเป็น 4 หมวดใหญ่
- ภาระส่วนตัว ได้แก่
ค่าใช่จ่ายส่วนตัว – 60,000 บาท
ค่าลดหย่อนคู่สมรส – 60,000 บาท (ต้องยื่นแบบลดหย่อนภาษีคู่กัน)
ค่าลดหย่อนบุตร – 30,000 บาท/คน ถ้าเป็นลูกตามกฎหมาย ไม่จำกัดจำนวนบุตร
ค่าลดหย่อนคลอดบุตร – จ่ายตามจริงไม่เกิน 60,000 บาท
ค่าลดหย่อนพ่อแม่ – 30,000 บาทต่อคน (แต่พ่อแม่ต้องมีรายได้ในปีภาษีนั้นไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และมีลูกแค่คนเดียวที่ใช้สิทธิ์นี้ได้)
ค่าอุปการะคนพิการหรือทุพพลภาพ – 60,000 บาทต่อคน - ประกันชีวิตและการลงทุน ได้แก่
เบี้ยประกันสุขภาพของพ่อแม่ – จ่ายตามจริงไม่เกิน 15,000 บาท
กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF – ซื้อได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีและไม่เกิน 500,000 บาท
เงินประกันสังคม – ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 9,000 บาทเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปหรือเงินฝากแบบมีประกันชีวิต ที่คุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไปไม่เกิน 100,000 บาท และรวมกับเบี้ยประกันสุขภาพ 15,000 บาท 2 ส่วนนี้รวมกันแล้วสามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาทรายการลดหย่อนไม่เกิน 500,000 บาท ได้แก่
เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ – ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บาท
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ /กบข. /กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน – ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีและไม่เกิน 500,000 บาท
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF – ไม่เกิน15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีและไม่เกิน 500,000 บาท
กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) – จ่ายตามจริงไม่เกิน 13,200 บาท - การใช้จ่ายต่างๆ
ดอกเบี้ยเพื่อที่อยู่อาศัย – จ่ายตามจริงไม่เกิน 100,000 บาท
ค่าธรรมเนียมจากการรับชำระเงินด้วยบัตรเดบิต – สามารถลดหย่อนได้ 1 เท่าของที่จ่ายจริง
ค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวไทย 55 เมืองรอง – จ่ายตามจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท
เงินลงทุนในธุรกิจ startup – ลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท - หมวดการบริจาค
เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา และสังคม – ลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินบริจาคตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย
เงินบริจาคให้สถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูง – ลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินบริจาคตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย
ส่วนเงินบริจาคทั่วไปและเงินบริจาคน้ำท่วม – จ่ายตามจริงไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและลดหย่อน
ในอนาคตเราจะเห็น การบริจาคเงินให้โรงพยาบาล ก็สามารถลดหย่อนภาษีได้
นอกจากนี้มีส่วนที่ยกยอดมาจากก่อนหน้าคือ โครงการบ้านหลังแรกเมื่อปี 2558-2559 สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดปีละ 120,000 บาท เป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี ใช้สิทธิได้เฉพาะคนที่ซื้อบ้านหลังแรกตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. 2558 – 31 ธ.ค. 2559
สรุป
เหตุที่คนไทยควรยื่นภาษีเพื่อให้รัฐได้มีข้อมูลว่าเรามีรายได้อย่างไร และรับสามารถออกนโยบายต่างๆ ได้ตรงตามความต้องการของแต่ละกลุ่ม แต่ถ้ารัฐยังไม่แสดงศักยภาพว่าภาษีที่เก็บไปสามารถเกิดประโยชน์สู่สังคมได้จริง มนุษย์เงินเดือนและคนที่จ่ายภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็อาจไม่รู้สึกแฮปปี้ที่ต้องจ่ายภาษีให้คนหลบเลี่ยงภาษีอยู่ดี
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา