ถ้าพูดถึงขนมทานเล่นประเภทปลาเส้น หลายคนคงนึกถึง ‘ทาโร’ เป็นอันดับแรก ๆ เพราะแบรนด์นี้อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 40 ปี ไม่ว่าจะไปที่ร้านสะดวกซื้อ โชห่วย หรือซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งไหนก็สามารถซื้อทาโร่ติดไม้ติดมือกลับไปได้เสมอ
แต่ทราบไหมว่าบริษัทไหนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์นี้ ?
บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด คือบริษัทที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ โดยมีบริษัทในเครืออีก 5 แห่ง แต่ Brand Inside จะขอโฟกัสบริษัทในเครือที่ชื่อ บริษัท พี.เอม.ฟูด จำกัด (PMF) ซึ่งผลิตและจำหน่ายปลาเส้นแบรนด์ทาโรเป็นหลัก
โดยในปี 2526 ทางพรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง ได้ร่วมทุนกับผู้ผลิตปลาเส้นที่มีชื่อเสียงอันดับ 1 ของไต้หวัน และตั้งโรงงานผลิตปลาสวรรค์ตราทาโร หลังจากนั้นแบรนด์ทาโรก็ค่อย ๆ เติบโตอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่นิยมในประเทศไทย และมีร้านค้ากว่า 120,000 แห่งทั่วประเทศที่ติดต่อค้าขายกันโดยตรง
ต่อมาปี 2564 ทางแบรนด์ตั้งเป้าหมายขยายฐานลูกค้าไปในต่างประเทศจึงได้จัดตั้งบริษัท Shenzhen Premier Marketing Company Limited (SZPM) ขึ้นมาเพื่อขยายช่องทางการขายสินค้าทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ในประเทศจีน
จุดแข็งของแบรนด์ปลาเส้นทาโร
จุดแข็งที่ทำให้แบรนด์ทาโรอยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนานและขยายไปต่างประเทศได้คือตัวผลิตภัณฑ์ที่ชูจุดเด่นของเนื้อปลา ซึ่งได้รับ การพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบที่มีเอกลักษณ์หลากหลาย ครอบคลุมและตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกันไป
ตัวอย่างเช่น
ทาโรโรล ปลาเส้นความยาว 2 เมตรที่ขดตัวเป็นวงกลมอยู่ภายในซอง ซึ่งความยาวเท่านี้ที่แตกต่างจากขนมทั่วไปนั้นช่วยกระตุ้นความสนใจของลูกค้าได้พอสมควร
ทาโรอบกรอบ ต่างจากขนมอบกรอบทั่วไปตรงที่แม้จะผ่านการปรุงรสแล้วก็ยังคงหยิบทานได้ไม่เลอะมือ สะดวกสำหรับผู้ที่ชอบทานขนมไปด้วยและทำอย่างอื่นไปด้วย
ทาโรเส้นชุบน้ำจิ้ม เอาใจผู้ที่ชอบทานของรสชาติเข้มข้น จัดจ้าน เป็นได้ทั้งขนมและอาหารในซองเดียว
ทาโรก๋วยเตี๋ยวเส้นปลา มาในรสชาติเย็นตาโฟหม้อไฟ และต้มยำกุ้งน้ำข้น ตอบโจทย์ผู้ที่ชอบลองทานอะไรใหม่ ๆ
ทาโรอลาสก้าพอลล็อค เส้นเล็กกว่าปกติ เคี้ยวง่าย และยังลดโซเดียม 35% และ 40% เหมาะกับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ
ปลาเส้นทาโรมีที่มาจากปลาอะไร
จากตัวอย่างข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นเมนูไหนวัตถุดิบสำคัญที่ใส่ลงไปก็คือเนื้อปลา นำไปสู่คำถามต่อไปที่หลายคนสงสัยว่าทางแบรนด์ “ใช้ปลาอะไรในการทำปลาเส้นทาโร” ?
คำตอบคือส่วนใหญ่ทางทาโรจะใช้ ‘ปลาเอโสะ’ หรือ ‘ปลาปากคม’ ซึ่งจับได้ตามน่านน้ำต่างๆ ทั่วโลก เช่น มหาสมุทรอินเดีย มหาสมุทรแปซิฟิก อ่าวเบงกอล อ่าวไทย
เป็นปลาเศรษฐกิจที่มีปริมาณมากพอจะหล่อเลี้ยงผู้คนบนโลกได้ยาวนานหากมีการจับถูกต้องตามกฎหมาย โดยการจับปลาประเภทนี้นำมาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์อยู่ในข่ายคุกคามต่ำ ตาม IUCN Red List
เทคนิคการผลิตปลาเส้นขวัญใจคนไทย
เมื่อพูดถึงชื่อทาโรแล้วอาจจะมีผู้ที่เข้าใจว่าแบรนด์นี้นำเข้ามาจากญี่ปุ่น แต่ที่จริงทาโรเป็นแบรนด์ของคนไทย ซึ่งอาศัยกรรมวิธีการผลิตบางอย่างตามสไตล์ญี่ปุ่นเท่านั้นเอง
กรรมวิธีนั้นเรียกว่า ‘ซูริมิ’ หรือการนำเนื้อปลามาบด > แยกส่วนประกอบที่ไม่ต้องการออกไป > นำไปแช่แข็ง (Freezing) เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่เหนียว ยืดหยุ่น และมีกลิ่นคาวน้อยลง ซึ่งตามปกติเราจะใช้วิธีซูริมิในการทำปูอัดหรือลูกชิ้นประเภทต่าง ๆ
คำว่าซูริมิมีที่มาจากภาษาญี่ปุ่นคือซูริ (擂り) หมายถึง ‘การบด’ และ มิ (身) หมายถึง ‘ส่วนที่เป็นเนื้อ’ ในที่นี้หมายถึงเนื้อปลานั่นเอง
ซึ่งทาโรแต่ละซองทำมาจากเนื้อปลากว่า 80% ทำให้มีสารอาหาร เช่น โอเมก้า 3,6,9 ดีเอชเอ และคอลลาเจนรวมอยู่ด้วย
ก้าวต่อไปของบริษัทที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 40 ปี
หากย้อนดูรายได้และผลกำไรตลอด 5 ปีจะพบว่าที่ผ่านมาทางบริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ทาโรมีรายได้และผลกำไรดังต่อไปนี้
- ปี 2561 รายได้ 4,472 ล้านบาท กำไร 365 ล้านบาท
- ปี 2562 รายได้ 4,123 ล้านบาท กำไร 361 ล้านบาท
- ปี 2563 รายได้ 4,183 ล้านบาท กำไร 485 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 4,386 ล้านบาท กำไร 437 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 5,050 ล้านบาท กำไร 363 ล้านบาท
ซึ่งที่ผ่านมาแบรนด์ทาโรครองส่วนแบ่งตลาดขนมปลาเส้นกว่า 80% แบ่งเป็นรายได้จากประเทศไทย 80% ต่างประเทศ 20%
แม้จะมีคู่แข่งเป็นแบรนด์เล็กใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นปลาเส้นปรุงรส เบนโตะ, ปลาเส้นปรุงรส ฟิชโช, ปลาเส้นปรุงรส จัมโบ้ฟิช, ปลาเส้นปรุงรส เฟรชฟิช เป็นต้น
เราคงต้องติดตามต่อไปว่าแบรนด์ทาโรจะเติบโตไปในทิศทางไหน และจะมีกลยุทธ์การตลาดอะไรมาดึงดูดความสนใจของลูกค้าในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก set 1, 2, premiermarketing 1, 2, foodnetworksolution, bestreview
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา