คุยกับ Lucky Flame แบรนด์ครัวเรือนไทยที่ขอเป็นทุกอย่างในครัว ท่ามกลางยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน

ปัจจุบันเทรนด์การทำอาหารที่ลดลง ผสมกับกระแสดิจิทัลที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น การสั่งซื้ออาหารสำเร็จรูปแบบเดลิเวอรี่ส่งตรงถึงหน้าบ้าน ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อยอดขายของแบรนด์เครื่องใช้ในครัวเรือน

Brand Inside มีโอกาสได้สัมภาษณ์ คุณเชาว์เลิศ ลีลาศวัฒนกุล Sales & Marketing Manager ของ Lucky Flame แบรนด์ที่ทุกคนน่าจะคุ้นหูกับคำว่าเตาแก๊สลัคกี้เฟลมแต่ต้องบอกว่าแบรนด์นี้มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย และที่สำคัญในบทสัมภาษณ์นี้เราจะไปพูดคุยกันถึงภาพรวมของแบรนด์ การทำตลาด และการปรับตัวในยุค Digital Transformation

Lucky Flame
Lucky Flame

ภาพรวมธุรกิจของ Lucky Flame ในช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

คุณเชาว์เลิศ เริ่มต้นตอบคำถามข้างต้นโดยเล่าให้ฟังว่า ภาพรวมธุรกิจในไทยของครึ่งปีแรกถือว่าเติบโต แต่ยังไม่ดีเท่าที่ตั้งไว้ โดยหลักแล้ว หนี้ภาคครัวเรือน เป็นอุปสรรคหลักในการเติบโตด้านยอดขาย แต่ถ้าไปดูในตลาด CLMV ต้องบอกว่าเติบโตโดดเด่นเป็นพิเศษ เพราะมียอดการเติบโตถึง 2 หลัก

อย่างไรก็ตาม ในสภาวะที่ตลาดไทยหดตัว สิ่งที่เราทำคือการขยายไลน์สินค้าเพิ่ม เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด (Market Cap) คือแน่นอนว่าคนไทยอาจจะคุ้นเคยกับชื่อของเตาแก๊สลัคกี้เฟรม แต่ต้องบอกว่าตลาดเตาแก๊สอิ่มตัวมา 20 ปีแล้ว ตลาดใหม่ๆ อย่างคอนโดหรือหมู่บ้านในเมืองไม่ได้ใช้เตาแก๊สแบบเดิมอีกต่อไป สิ่งที่ตลาดใหม่ต้องการคือ เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน อ่างซิงค์ พูดง่ายๆ คือ อุปกรณ์ในครัวที่เป็น Built-in (แบบฝัง) แทบทั้งหมด

เพราะฉะนั้น แผนธุรกิจของ Lucky Flame จึงเน้นไปที่การขยายไลน์สินค้าใหม่ๆ เรามีการวางแผนไลน์ผลิตสินค้าไว้ถึงปี 2020”

Lucky Flame อยู่กับคนไทยมานานกว่า 3 ทศวรรษแล้ว คิดว่าจุดแข็งของแบรนด์คืออะไร?

คุณภาพสินค้า ดีลเลอร์ และ บริการหลังการขาย คือ 3 จุดแข็งของ Lucky Flame”

คุณภาพสินค้าเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของ Lucky Flame เราแทบจะเป็นเจ้าเดียวในตลาดที่รับประกันหัววาล์วถึง 5 ปี ขนาดแบรนด์ยุโรปเองยังรับประกันแค่ 2 ปีเท่านั้น ความแข็งแกร่งนี้เราได้มาจากการทำงานคุณภาพ และมีการตรวจสอบคุณภาพสินค้า (QC) ถึง 300%”

ดีลเลอร์ก็เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของเรา เพราะถ้าไปเปิดดูสัดส่วนยอดขายของเราจะพบว่า 60% มาจากดีลเลอร์ทั่วประเทศ ส่วนอีก 40% มาจากห้างสรรพสินค้า เราให้ความสำคัญกับดีลเลอร์อย่างมาก เพราะเราเชื่อว่าดีลเลอร์ต้องเติบโตไปด้วยกันกับเรา

ส่วนเรื่องการบริการหลังการขาย ต้องบอกว่าเรามีตัวแทนอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นพันธมิตรกันในการบริการ และโดยเฉพาะในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ทุกอย่างต้องการความรวดเร็ว เรามีการเพิ่มพนักงานกว่าปีละกว่า 10 ตำแหน่งเพื่อมารองรับเรื่องการบริการหลังการขายโดยเฉพาะ

Lucky Flame เตรียมพร้อมรับมือกับกระแส Digital Transformation อย่างไรบ้าง?

นอกเหนือจากการรับมือกับกระแสตลาดที่หดตัวด้วยการขยายไลน์สินค้า รวมถึงเพิ่มบุคลากรมารองรับเรื่องการดูแลลูกค้าแล้ว การขายสินค้าบนออนไลน์ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ Lucky Flame มุ่งมั่นทำอยู่ในขณะนี้

ตอนนี้เรากำลังทำออนไลน์ แต่เราไม่ได้ทำเอง เพราะในด้านการขายเราให้ดีลเลอร์จัดการ อย่างที่บอกว่าเราต้องการให้ดีลเลอร์เติบโตไปด้วยกัน การทำออนไลน์ของเราจึงไม่ใช่การทำโปรโมชั่นแรงๆ หรือเน้นไปที่การทำยอดขาย แต่สิ่งที่เราทำบนออนไลน์คือการสร้าง Branding และสื่อให้เห็นถึงจุดเด่นของสินค้าแต่ละตัว โดยเฉพาะจุดแข็งของเราคือเรื่องของ คุณภาพสินค้า

ตัวอย่างของการเน้นหนักเรื่อง Branding คือการทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อถือในแบรนด์ เช่น เราให้ลูกค้าของเรารีวิวสินค้าว่าใช้แล้วเป็นอย่างไร เป็นการบอกต่อกันของผู้บริโภค เรียกได้ว่าเป็นการเอาความจริงใจเข้าสู้ คือเราใช้สินค้า (product) เป็นตัวนำอยู่แล้ว ที่สำคัญเรื่องเหล่านี้ดีลเลอร์ของเรา เขาทำกันอยู่แล้ว คือดีลเลอร์แต่ละรายเขาจะมีหน้าเพจ Facebook ของเขาที่เปิดไว้เพื่อขายสินค้าและให้ลูกค้าเข้ามารีวิวสินค้า ส่วนทางเราก็ช่วยทำเรื่อง Branding และการตลาดมากกว่า แต่พอพูดถึงเรื่องการตลาด บอกได้เลยว่าภายในปลายปีนี้ ผู้บริโภคจะได้เห็นโฆษณาตัวใหม่ของ Lucky Flame อย่างแน่นอน

 

 

แผนต่อไปของ Lucky Flame คืออะไร?

บอกได้เลยว่า แผนการขยายไลน์สินค้าของเรา จะเน้นไปที่ตลาดแมสต่างจังหวัดบวกกับเทรนด์ของผู้สูงอายุ อย่างตอนนี้เราทำเตาในราคาที่เข้าถึงได้ โดยเตานี้สามารถตั้งเวลาปิดแก๊สและอุณหภูมิได้อัตโนมัติ เป็นสินค้าที่จะตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุอย่างมาก

นอกเหนือจากแผนเรื่องการขยายไลน์สินค้า Lucky Flame ยังมีแผนเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน

พูดถึงเทรนด์การทำอาหารที่น้อยลงบวกกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เราเลยมองว่า จะทำช่องทางออนไลน์ที่เป็น Cooking Channel คือเป็นช่องทางที่จะมีเมนูรักสุขภาพมานำเสนอ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ของ Lucky Flame มาทำอาหาร แล้วก็ให้ผู้บริโภคทำตามได้ง่ายๆ อันนี้ก็อยู่ในแผนของเรา

อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งสิ่งที่ทาง Lucky Flame กำลังทำคือการขยายโชว์รูมสินค้า เพราะแม้ว่ากระแสออนไลน์จะมาแรง แต่ Lucky Flame มองว่าโชว์รูมในห้างสรรพสินค้ายังสำคัญ เพื่อให้ผู้บริโภคเห้นสินค้าจริง จับต้องสินค้าได้ ซึ่งยังเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินในซื้อ

ปัจจุบันเรามีโชว์รูมสินค้าอยู่เพียงแห่งเดียวคือในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางนา แต่ด้วยกระแสของคอนโดและหมู่บ้านเกิดใหม่แถบชานเมืองกำลังเติบโตอย่างมาก และผู้บริโภคกลุ่มนี้เป็นกลุ่มลูกค้าที่มาแรงและมีความต้องการสินค้าในครัวเรือนสูง ทางบริษัทจึงวางแผนขยายโชว์รูมสินค้าในห้างสรรพสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้าง Branding ให้กับแบรนด์ อย่างล่าสุดเราได้ทำสัญญาตั้งโชว์รูมในห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็คาดว่าภายในปีนี้จะมีโชว์รูมแห่งที่ 2 เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนหลังจากปีนี้ได้วางแผนที่จะสร้างโชว์รูมที่ห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ เพราะต้องการตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในตลาดใหม่ๆ ที่มีความต้องการสูงในอนาคต

สรุป: แบรนด์แข็งแกร่ง สินค้าคุณภาพ ตอบโจทย์ครัวไทย คือความได้เปรียบของ Lucky Flame

แผนการปรับตัวของ Lucky Flame เน้นไปที่การสร้าง Branding ผ่านคุณภาพของสินค้าที่แข็งแกร่ง ดังนั้นไม่ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน แต่จุดแข็งเรื่องคุณภาพของ Lucky Flame ก็จะติดตัวแบรนด์และพร้อมปรับตัวไปตามกระแสของตลาด

ผู้บริหารของ Lucky Flame ทิ้งท้ายไว้น่าสนใจมากกว่า สินค้าของ Lucky Flame พร้อมที่จะปรับตัวให้ทันสมัย ตอนนี้ถ้าไปดูสินค้าของแบรนด์ก็จะพบว่าดีไซน์นั้นเป็นสากลมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือ ไฟของ Lucky Flame ต้องแรงและต้องคงความเป็นเอกลักษณ์ไทยหรือพูดอีกแบบคือ

“ดีไซน์สวยแบบยุโรป

แต่ไฟต้องแรง ต้องสะใจ ต้องผัดผักบุ้งไฟแดงได้”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา