แม้จะมีโรคระบาดโควิด-19 แพร่อยู่ทั่วโลก ไต้หวันก็สามารถจัดการควบคุมโรคได้อย่างรวดเร็วแถมยังเป็นฮีโร่ช่วยบริจาคทั้งหน้ากากและอุปกรณ์การแพทย์เพื่อให้นานาประเทศอยู่รอดได้ในภาวะวิกฤต ล่าสุด เตรียมปรับค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
กระทรวงแรงงานของไต้หวัน เตรียมปรับค่าแรงจากเดิม 23,800 เหรียญไต้หวันหรือ 25,253.20 บาท และ 158 เหรียญไต้หวัน หรือ 167.65 บาทต่อชั่วโมงที่มีมาตั้งแต่ 1 มกราคม 2020 ขยับเป็น 24,000 เหรียญไต้หวันหรือ 25,465.41 บาทต่อเดือนและ 160 เหรียญไต้หวันหรือ 169.77 บาทต่อชั่วโมง
การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นจากการประชุมคณะกรรมาธิการประจำปีที่มีภาคแรงงานเป็นตัวแทนและเตรียมเสนอให้แก่สภาบริหารเพื่ออนุมัติในขั้นตอนถัดไป ทั้งนี้การหารือเรื่องนี้เกิดขึ้นวานนี้ท่ามกลางความกังวลใจเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโควิด-19 และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มค่าธรรมเนียมประกันสุขภาพแรงงานในปีหน้า ขณะเดียวกันก็มีการอ้างถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจในไตรมาสสามและสี่ว่าน่าจะแย่ลงแต่ค่าแรงก็น่าจะปรับขึ้นและอาจจะเลื่อนไปปรับขึ้นช่วงเดือนพฤศจิกายน แต่ข้อคิดเห็นดังกล่าวถูกปัดตกไป
หลังจากที่มีการพิจารณาอัตราเงินเฟ้อและการเติบโตของจีดีพีแล้ว Chuang Chueh-an ประธานสหภาพแรงงานกล่าวว่า เสนอให้มีการขึ้นค่าแรงต่อเดือนอยู่ที่ 24,100 เหรียญไต้หวัน แต่ในที่สุดแล้วก็ตกลงกันอยู่ที่ 24,000 เหรียญไต้หวันหรือประมาณ 25,465.41 บาทต่อเดือน แม้ว่าจะไม่ขึ้นค่าแรงตามที่ตั้งเป้าไว้ 3% ก็อาจจะขึ้นในปีต่อไปได้
ผู้แทนจากฝ่ายจัดการบางรายกล่าวว่า บริษัทในไต้หวันราว 85% มีขนาดเล็กและขนาดกลาง การขึ้นค่าแรงเพิ่มตามด้วยค่าธรรมเนียมในส่วนของประกันสุขภาพอาจนำมาสู่การปิดตัวของบริษัทท้องถิ่นได้
ทั้งนี้ จากผลสำรวจพบว่า 38.9% คิดว่าค่าแรงขั้นต่ำรายเดือนควรปรับขึ้นมากกว่า 30,000 เหรียญไต้หวัน ขณะที่ 24.5% อยากให้ปรับขึ้นที่ 25,000 เหรียญไต้หวัน และ 14.8% คิดว่าน่าจะปรับเพิ่มเป็น 26,000 เหรียญไต้หวัน นอกจากนี้ค่าแรงรายชั่วโมง พบว่า 86% ควรปรับขึ้น ขณะที่ 38% คิดว่าควรปรับขึ้นเป็น 190 เหรียญไต้หวัน ขณะที่ 16.8% ควรปรับเป็น 180 เหรียญไต้หวัน และ 14.9% ควรปรับมากกว่า 170 เหรียญไต้หวัน หรือประมาณ 180.97 บาท
ขณะที่ฝั่งนายจ้างนั้น 49.4% สนับสนุนให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำรายเดือน ขณะที่ 50.6% ไม่เห็นด้วย ส่วนค่าแรงขั้นต่ำรายชั่วโมง 44.7% เห็นด้วยที่ควรจะเพิ่มค่าแรง อีก 55.3% ไม่เห็นด้วย
ถ้าข้อเสนอนี้ผ่าน นายจ้าง 62.4% ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ ขณะที่อีก 41.7% ระบุว่าอาจจะลดการจ้างงานลง ผลสำรวจดังกล่าวทำขึ้นตั้งแต่ 30 กรกฎาคม สำรวจจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพนักงานราว 1,210 คนและนายจ้างราว 935 คน
การขึ้นค่าแรง 23,800 เหรียญไต้หวันต่อเดือนจะทำให้แรงงานราว 1.8 ล้านคนได้รับผลประโยชน์ดังกล่าวด้วย ขณะที่รายได้ 158 เหรียญไต้หวันต่อชั่วโมง จะมีแรงงานราว 483,300 คนที่ได้รับผลประโยชน์
ที่มา – Taipei Times, Ministry of Labor Republic of China (Taiwan)
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา