เซอร์เวย์ลูกค้าแบบใหม่! Swensen’s เปิดร้านขายไอศกรีม 101 รสชาติ หวังสร้างรสยอดนิยมในอนาคต

แม้ Swensen’s จะเป็นเบอร์ 1 ร้านไอศกรีมของประเทศไทยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ใช่ว่าเบอร์ 1 จะไม่ทดลองอะไรใหม่ ๆ เพื่อขับเคลื่อนตลาดไอศกรีมให้เติบโต เพราะล่าสุด Swensen’s ได้เปิดตัว 101 Project หรือร้านไอศกรีมที่ขายไอศกรีม 101 รสชาติ และถือเป็นร้านไอศกรีมที่มีรสชาติให้เลือกมากที่สุดในโลกเช่นกัน

ปกติ Swensen’s จะจำหน่ายไอศกรีมที่ร้านแค่ 24 รสชาติ และจะมีรสชาติประจำเดือน 3-5 รสชาติคอยหมุนเวียนเพื่อเพิ่มความหลากหลาย ดังนั้นการทำร้านไอศกรีมที่จำหน่ายถึง 101 รสชาติ คงไม่ใช่เรื่องง่าย และน่าจะมีเป้าหมายมากกว่าแค่สร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้น

101 Project ของ Swensen’s เริ่มต้นได้อย่างไร, ความท้าทายในการเปิดร้านไอศกรีมที่ขายไอศกรีมรสชาติมากขนาดนี้คืออะไร และเป้าหมายที่แท้จริงของร้านไอศกรีมดังกล่าวเป็นแบบใด อนุพนธ์ นิธิยานันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด ในเครือ เดอะ ไมนเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้อธิบายไว้ดังนี้

Swensen's

ต่อยอดจากกลยุทธ์ Experiential Concept Store

อนุพนธ์ นิธิยานันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด เล่าใหัฟังว่า ที่ผ่านมาบริษัททำ Experiential Concept Store มาทุกปี ไล่ตั้งแต่สาขา Craft Bar ที่จำหน่ายไอศกรีมคราฟต์ และ SIP by Swensen’s ร้านเครื่องดื่มแนวใหม่ ทำให้สิ้นปี 2023 จะเปิด 101 Project ร้านไอศกรีมที่ที่จำหน่ายไอศกรีม 101 รสชาติ

“101 Project เป็นการต่อยอดกลยุทธ์ดังกล่าว แต่จะต่างกับร้านอื่นที่ทำมา เพราะก่อนหน้านี้ทำเป็น Permanent Project แต่ 101 Project จะเป็น Pop up Store กินเวลา 3 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. 2023-18 ก.พ. 2024 และเปิดที่ เดอะมอลล์ บางกะปิ ที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ช่วยจุดกระแสความน่าสนใจให้ตัวร้านเช่นกัน”

สำหรับ 101 Project จะจำหน่ายไอศกรีมรสชาติทั้งปัจจุบัน, รสชาติที่ขายดีในอดีต รวมถึงรสชาติที่ผลิตขึ้นใหม่ โดยจะจำหน่ายเป็นลูก หรือ Scoop เริ่มที่ 2 Scoop ใหญ่ จนถึง 10 Scoop เล็ก ราคา 99-219 บาทเน้นการ Grab & Go โดยตัวร้านจะไม่มีที่นั่ง มีเพียงเคาน์เตอร์ให้ยืนรับประทานเท่านั้น รวมถึงไม่มีการเดลิเวอรี

Swensen's Swensen's

เมื่อมี 101 รสชาติ จึงทำแค่ 1 สาขาก็พอ

Swensen’s ยังไม่มีแผนขยาย 101 Project เพิ่มเติม เนื่องจากการทำไอศกรีม 101 รสชาติมาจำหน่ายในร้านนั้นติดปัญหาเรื่องหาวัตถุดิบ และการบริหารจัดการในมุมต่าง ๆ และกว่าจะได้ 101 รสชาตินี้ ทีมวิจัย และพัฒนา ต้องชิมไอศกรีมกว่า 300 รสชาติ เพื่อคัดเลือกให้เหลือเพียง 101 รสชาติ เท่านั้น

สำหรับรสชาติที่น่าสนใจจะประกอบด้วย โฮจิฉะ โมจิ, ฮิมาลายา ซีซอลต์ ช็อกโกแลต, พีชเมลบา ราสป์เบอร์รี่, ช็อกโกแลต ออเรนจ์ และมะม่วง อกร่องทอง ชีสเค้ก เป็นต้น โดยเหตุผลที่ไม่มีการเดลิเวอรี เนื่องจากต้องการให้ลูกค้ามารับประทานที่ร้านเท่านั้น และป้องกันการสั่งจำนวนมากจากร้านค้าอื่นเพื่อชิม และนำไปต่อยอดธุรกิจ

“Swensen’s อยู่ในตลาดไอศกรีมไทยมา 37 ปี โดดเด่นด้วยเมนูซันเดย์รูปแบบต่าง ๆ ทำให้ลูกค้านึกถึงแค่ซันเดย์ แต่จริง ๆ เราก็เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องไอศกรีมเหมือนกัน แต่เราไม่ได้พูดเรื่องนี้มากนัก ทำให้ช่วงโควิด-19 แบรนด์ย่อย ๆ จึงสบโอกาสสื่อสารเรื่องนี้ ซึ่งตอนนี้ถึงเวลาของเราในการพูดเรื่องนี้บ้างด้วยการผลิตไอศกรีม 101 รสชาติ”

Swensen's Swensen's

มองเป็น ร้านไอศกรีมแล็บ เพื่อใช้ศึกษาตลาด

ขณะเดียวกันการลงทุนเปิดร้าน 101 Project ของ Swensen’s ยังถือเป็นการเปิดร้านไอศกรีมแล็บเพื่อใช้ศึกษาตลาด ผ่านการตรวจสอบรสชาติที่ขายดี หรือรสชาติที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ เพื่อนำไปพัฒนา และจำหน่ายในหน้าร้านหลักกว่า 300 สาขาทั่วประเทศ

“รสชาติไหนหมดเร็วก็น่าจะเป็นตัวชี้วัดว่ารสชาตินั้นน่าจะได้รับความนิยมในอนาคต ถือเป็นการช่วยทำ Qualitative Study ที่อุตสาหกรรม FMCG ทำอยู่เป็นประจำ แต่ปกติเราต้องจ่ายเงินเพื่อให้เขามาชิม หรือทดลองสินค้า ซึ่งไม่รู้ว่าอนาคตคำตอบนั้นจะใช้ได้จริงหรือไม่ แต่นี่เราทำออกมาขายจริง วัดผลจริง ข้อมูลมันน่าจะใช้ได้จริงมากกว่า”

ทั้งนี้การลงทุนของ 101 Project ใช้งบประมาณส่วนการตลาด โดยยังไม่เปิดเผยถึงตัวเลขการลงทุน โดยปกติร้าน Swensen’s ปกติใช้งบประมาณลงทุนราว 6 ล้านบาท นอกจากนี้ยังไม่มีการตั้งเป้าเรื่องยอดขาย แต่เชื่อว่าจะทำได้ดี ผ่านราคาเข้าถึงได้ และไม่มีเดลิเวอรี รวมถึงแต่ละรสชาติผลิตในปริมาณที่ไม่เท่ากัน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องสต๊อก

Swensen's

ปี 2024 Swensen’s เตรียมเปิดอีก 20 สาขา

อนุพนธ์ เสริมว่า ในปี 2024 Swensen’s เตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีก 20 แห่ง รวมในปีดังกล่าวจะเปิดให้บริการ 350 สาขาทั่วประเทศ ผ่านการเปิดในศูนย์การค้าเปิดใหม่เป็นหลัก ส่วนสาขาในรูปแบบ Craft Bar ยังมีความสนใจจากเจ้าของศูนย์การค้าต่าง ๆ แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ที่ต้องใหญ่ จึงไม่สามารถขยายในบางสถานที่ได้

ด้านยอดขายของ Swensen’s สัดส่วน 60% มาจากเมนูซันเดย์รูปแบบต่าง ๆ ที่เหลือจะมาจากการจำหน่ายในรูปแบบ Scoop 10%, Quart รับประทานที่บ้าน 10%, เค้ก 10% และอื่น ๆ เช่น กาแฟ และเบเกอรี่ 10% ส่วนรสชาติไอศกรีมที่ขายดีจะมี 4 รสชาติคือ วนิลา, ช็อกโกแลต, กาแฟ และสตรอว์เบอร์รี่

“ไอศกรีม กับเครื่องดื่มนั้นไม่เหมือนกัน เพราะเครื่องดื่มกินได้ทุกวัน คนทำธุรกิจนี้จึงต้องการความถี่เพื่อเลี้ยงธุรกิจ ส่วนไอศกรีมเป็นสิ่งที่ไม่ได้กินทุกวัน ลูกค้าต้องการรสชาติที่เข้มข้น ซึ่ง Swensen’s เน้นเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มเปิดร้าน ผสานกับเมนูซันเดย์หลากหลายรูปแบบเพื่อจูงใจลูกค้า และเป็นอันดับ 1 ของตลาดไอศกรีมของประเทศไทย”

อ้างอิง // Swensen’s

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา