ปฏิเสธไม่ได้ว่า “หน้ากากอนามัย” ในไทยเริ่มขาดตลาด เพราะคนกลัวไวรัสโคโรน่า และถึงมีขายก็อาจจำหน่ายในราคาสูงเกินจริง ล่าสุดสินค้านี้ก็ขาดตลาดในญี่ปุ่น และมีการขายกันแพงกว่าปกติถึง 100 เท่าตัว
รณรงค์ขายราคาจริง-ไม่ขายเหมา
ความอันตรายของไวรัสโคโรน่าทำให้ผู้บริโภคในหลายประเทศกังวล และมีความต้องการหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเช่นกัน เพราะปกติแล้วการหาซื้อหน้ากากอนามัยที่ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านขายยานั้นทำได้ง่าย แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่อย่างนั้น
เช่นร้านขายยาใกล้สถานีรถไฟใจกลางกรุงโตเกียวก็แทบไม่มีสต๊อกหน้ากากอนามัย และถึงจะสั่งซื้อจากผู้ผลิตบางครั้งกว่าจะได้สินค้าก็ใช้เวลานาน ทำให้ทางร้านต้องติดป้ายห้ามลูกค้าซื้อหน้ากากอนามัยเกิน 2 ห่อ เพื่อป้องกันการเหมาซื้อเป็นจำนวนมาก และไปค้ากำไรเกินควร
ส่วนในมุมผู้ผลิตหน้ากากอนามัยตอนนี้ก็ประสบปัญหา เพราะสมาคมผ้าไม่ทักทอของญี่ปุ่นก็ออกมาชี้แจงว่า วัตถุดิบในการผลิตหน้ากากอนามัยเริ่มขาดแคลน และด้วยยอดสั่งซื้อที่ถาโถมเข้ามาจำนวนมาก ทำให้ผู้ผลิตต้องเปิดโรงงานตลอด 24 ชม. แต่ก็ยังไม่ตอบรับความต้องการทั้งหมดได้อยู่ดี
ด้านช่องทางจำหน่ายออนไลน์อย่าง Mercari ที่เปิดให้ผู้บริโภคทั่วไปนำสินค้าใดๆ ขึ้นมาจำหน่ายก็ได้ ก็มีผู้ใช้รายหนึ่งจำหน่ายหน้ากากอนามัย 2 ห่อ (1 ห่อมี 7 ชิ้น) ในราคา 99,999 เยน (ราว 28,300 บาท) ทั้งๆ ที่ปกติหน้ากากอนามัยรุ่นดังกล่าวจำหน่ายแค่ถุงละ 405 เยน (ราว 114 บาท) หรือสูงกว่าราคาปกติเป็น 100 เท่าตัว
Akiko Ito หัวหน้าสำนักงานผู้บริโภคของประเทศญี่ปุ่น แจ้งว่า หลังจากนี้จะทำงานกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่นกระทรวงเศรษฐกิจ, การค้า และอุตสาหกรรม เพื่อควบคุมราคาหน้ากากอนามัย และอยากให้ผู้บริโภคกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะการซื้อหน้ากากอนามัยเพื่อมาค้ากำไรเกินควรในตอนนี้เป็นเรื่องน่ารังเกียจ
สรุป
ตอนนี้สินค้าหน้ากากอนามัยนั้นขาดตลาดจริงๆ เพราะความต้องการมันถาโถมเข้ามาจำนวนมาก และยากที่โรงงานต่างๆ จะผลิตได้ทัน ทำให้ผู้บริโภคก็ต้องเห็นอกเห็นใจกัน และหน่วยงานภาครัฐก็ต้องเข้ามาควบคุมเรื่องนี้ให้ไม่เกิดการจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาที่แพงเกินจริง
อ้างอิง // Japan Today
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา