ถ้าใครเป็นสาวๆ สายแฟชันแล้วบอกว่าไม่เคยเห็นกระเป๋า Rally The Bag จากแบรนด์ Rally Movement เลยสักครั้งจะขอคิดไว้ก่อนว่าโกหก เพราะไม่ใช่แค่ไวรัลบนโลกออนไลน์อย่างเดียว แต่กระเป๋ารุ่นนี้จากแบรนด์แฟชันไทยรุ่นใหม่แบรนด์นี้กระจายอยู่ทั่วทุกหัวมุมถนน ระดับที่มีเดินเจอได้ทุกตู้บนขบวนรถไฟฟ้าสายเข้าเมือง
Brand Inside มีโอกาสได้คุยกับ ‘เค้ก-อภิพรรณ มงคลพาณิชยกิจ’ และ ‘ปั๊ม-นิธิศ วงศ์สวัสดิ์’ สองผู้ก่อตั้งของ Rally Movement ในงาน The Secret Sauce Summit 2025 ถึงจุดเริ่มต้นเส้นทางของพวกเขา และความสำเร็จของ Rally Movement ในฐานะแบรนด์แฟชันไทยที่กำลังจะไประดับโลก

เริ่มต้นจากสองคน สี่มือ และฝีมือจริงๆ
ย้อนกลับไป 8 ปีก่อน ‘ปั๊ม’ และ ‘เค้ก’ เริ่มต้นเส้นทางสายธุรกิจแฟชันของพวกเขา หลังจากเรียนจบจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยธุรกิจ ‘ร้านมัลติแฟชันแบรนด์’ ที่มีชื่อว่า Groc. พร้อมๆ กับการสร้างแบรนด์ Rally Movement ออกมาจำหน่ายในฐานะ House Brand ในร้านด้วย
เพราะจบจากสายแฟชันโดยตรงทั้งคู่ ดีไซน์ของ Rally Movement จึงมาจากทั้ง ‘เค้ก’ และ ‘ปั๊ม’ โดยสาเหตุที่เลือกคำว่า Rally เพราะทั้งเป็นคำที่อ่านออกง่าย เขียนออกมาสวย และสามารถปรับใช้กับลายแพทเทิร์นต่างๆ ได้ง่าย อีกทั้งเป็นคำที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ในตัว ขณะที่คำว่า Movement สื่อถึงการขับเคลื่อน สะท้อนความเป็น ‘ขบถ’ อันเป็น DNA ของแบรนด์
ตั้งแต่วันแรก ‘ปั๊ม’ ที่เชี่ยวชาญงานกราฟิกและการออกแบบตัวอักษร (Typography) จึงรับหน้าที่เป็นคนออกแบบโลโก้และลายแพทเทิร์นของ Rally Movement ด้วยตัวเอง

โดยสินค้าชุดแรกของ Rally Movement เริ่มต้นจากเงินทุนเพียง 30,000 บาทจากเค้กและปั๊ม ผลิตสินค้าได้น้อยมาก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตของแบรนด์ในเวลาต่อมา
ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา Rally Movement ค่อยๆ เติบโตขึ้นพร้อมกับร้าน Groc. แม้ว่าร้านจะปิดลงไปในช่วงโควิด-19 ทำให้ ‘เค้ก’ และ ‘ปั๊ม’ หันมาโฟกัสแบรนด์ได้อย่างเต็มตัว
ก่อนที่แบรนด์จะเริ่มต้นทำกระเป๋าอันกลายเป็น ‘สินค้าเปลี่ยนชีวิต’ เจ้าของแบรนด์ทั้งสองบอกว่า ตอนนั้นก็มี Headband หรือ ที่คาดผมที่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้แบรนด์ในเรื่อง Knitwear มาก่อนแล้วระลอกหนึ่ง แต่อย่างไรก็ต้องยอมรับว่า จุดเปลี่ยนจริงๆ คือเจ้าสิ่งที่มีชื่อเรียกว่า Rally The Bag

โลกตามเทรนด์กระเป๋าจิ๋ว แต่เราอยากได้ ดีไซน์+ฟังก์ชัน
เมื่อราว 2 ปีก่อน ในช่วงเวลาที่เทรนด์ ‘กระเป๋าจิ๋ว’ ได้รับความนิยมสุดๆ ในหมู่ผู้บริโภคชาวไทยและทั่วโลก ‘เค้ก’ ที่เป็นทั้งเจ้าของแบรนด์แฟชันและผู้ใช้งานจริงๆ ของสารพัดกระเป๋าก็เริ่มรู้สึกว่า ทำไมผู้หญิงถึงต้องพกกระเป๋า 2 ใบ เพื่อใช้ใบหนึ่งมาคอมพลีทลุค ขณะที่อีกใบเอาไว้ใช้งานจริงๆ ด้วย ทำไมถึงไม่มีกระเป๋าที่สามารถทำหน้าที่ทั้งคอมพลีทลุคและใช้งานจริงไปพร้อมกัน
นั่นจึงเป็นที่มาของการออกแบบกระเป๋ารุ่นแรกของแบรนด์ในรูปแบบ Bucket Bag ที่มีพื้นที่เยอะ ใส่ของได้จุ แต่น้ำหนักเบา และสามารถใช้งานได้ในชีวิต พร้อมนำความถนัดของแบรนด์อย่าง Knitwear (ผ้าถัก) มาผสมผสานกับหนัง จนออกมาเป็น Rally The Bag รุ่นแรกในที่สุด
และแน่นอนว่าได้รับการตอบรับดีตั้งแต่วางขาย จนทำให้ Rally Movement กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงทำให้ช่วงเวลาหนึ่งทุกหัวถนนจะต้องเห็นคนถือ Rally The Bag ผ่านตาเราอย่างน้อยคนสองคน

“เราเป็นดีไซเนอร์ของแบรนด์ย่อมให้ความสำคัญกับดีไซน์เป็นหลัก แต่นอกจากดีไซน์ที่ดีแล้ว Rally Movement ยังให้ความสำคัญกับฟังก์ชันและคุณภาพของกระเป๋ามากๆ”
‘ปั๊ม’ บอกว่า หลายคนคิดว่าอาจคิดว่า Rally Movement ดวงดี แต่จริงๆ แล้วแบรนด์เดินทางมานานกว่า 8 ปีแล้วกว่าจะมาถึงวันนี้ พร้อมอธิบายว่า การจับ Magic Moment ให้ทัน จับตลาดและติดจรวดให้ทันกับการตอบรับของผู้บริโภคเองก็สำคัญไม่แพ้กัน
อย่าง Rally Movement เองก็มีช่วงเวลาที่ผลิตสินค้าไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า อันเป็นเรื่องปกติในช่วงเวลาที่แบรนด์กำลังเติบโตให้ทันกับผู้บริโภค
“เรา Relearn และ Unlearn บ่อยมาก จะเป็นผู้ประกอบการจะต้องยืดหยุ่นและลีน โอกาสเข้ามา ต้องรับให้ทัน” แต่ขณะเดียวกัน “ทุกอย่างเปลี่ยนทุกวัน ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า สิ่งไหนเราจะไม่ทำ เราต้องหนักแน่นใน Core Value และ Purpose ของเรา”

ขายไปแล้วหลายหมื่นใบ มุ่งสู่เป้าหมายใหม่ ‘พันล้าน’
จนถึงวันนี้คาดว่า Rally The Bag ขายไปหลายหมื่นใบแล้ว และ Rally Movement ได้ออกแบบกระเป๋าออกมาแล้ว 3 รูปแบบพร้อมแตก SKU ย่อมตามไซส์ สี และวัสดุไปหลากหลาย
‘กระเป๋า’ กลายเป็นสินค้าที่สร้างรายได้มากกว่าครึ่งของรายได้ทั้งหมด โดยในปีก่อน Rally Movement มีรายได้มากถึง 459 ล้านบาท พร้อมเก็บกำไรมากถึง 201 ล้านบาท

โดยในปีนี้ตั้งเป้าจะเติบโตแบบเท่าตัวจากปีก่อนหน้า พร้อมตั้งเป้าหมายจะไปถึงพันล้านบาทได้เร็วๆ นี้
แต่สองผู้บริหารยังคงเน้นย้ำถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนและค่อยเป็นค่อยไป เพราะอยากจะควบคุมคุณภาพและดูแลลูกค้าเดิมให้ดี เพื่อรักษาธุรกิจให้เติบโตได้ในระยะยาว
นอกจากตลาดประเทศไทยที่ ‘ปั๊ม’ และ ‘เค้ก’ ยืนยันว่าจะให้ความสำคัญที่สุดในฐานะตลาดหลัก เพราะเชื่อมั่นว่าตลาดแฟชันไทยยังมีความหวังและเติบโตได้ท่ามกลางเศรษฐกิจและกำลังซื้ออย่างปัจจุบัน Rally Movement ก็ยังมีแผนที่จะขยายไปสู่ระดับภูมิภาค ปักหมุดสิงคโปร์แน่นอนแล้วในปีหน้า ก่อนไปต่อประเทศอื่นๆ ในอาเซียน
- ชาติอื่นทำได้ คนไทยก็ทำได้ ‘เจี้ยนชา’ บอกจะสร้างตำนานแบรนด์ไทย อีก 5 ปีมี 1,000 สาขาทั่วโลก
- ไม่ใช่แบรนด์จีน แต่เป็นแบรนด์ไทย เส้นทาง MEILINDA จากสำเพ็งขึ้นห้าง มาเป็น 300 ล้านวันนี้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา