Eric Yuan เจ้าของแอปฯ Zoom เผยสตาร์ทอัพที่ดีต้องคล่องตัว มีเป้าหมาย และใส่ใจพนักงาน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากระแสการทำธุรกิจสตาร์ทอัพกำลังมาแรง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีอายุยังไม่มาก และอยากประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ความจริงแล้วการทำธุรกิจสตาร์ทอัพไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เราเห็นกันในภาพยนตร์ แน่นอนว่าต้องมีทั้งคนที่ประสบความสำเร็จ ได้รับเงินจากนักลงทุนจำนวนมากในเวลาไม่นานจนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้ติดตลาดได้ไม่ยาก

เจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพบางคนอาจเจอกับความลำบาก ต้องทำงานหนักในห้องทำงาน กินอาหารสำเร็จรูปเพื่อเก็บเงินไว้ทำธุรกิจ แต่สุดท้ายผลที่ได้กลับไม่เป็นอย่างที่หวัง เงินทุนร่อยหรอไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายอาจต้องยกธงขาวยอมแพ้

Eric Yuan (คนขวา) ภาพจาก blog.zoom.us

Eric Yuan เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ธุรกิจสตาร์ทอัพของเขาประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล ซึ่งธุรกิจสตาร์ทอัพของเขาทุกคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี นั่นก็คือแอปพลิเคชัน Zoom ที่ใช้สำหรับการประชุมออนไลน์ในช่วงที่บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องให้พนักงานทำงานที่บ้านเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

โดย Yuan ได้แบ่งปันประสบการณ์การทำธุรกิจสตาร์ทอัพอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ โดยมี 3 หลักสำคัญ ได้แก่

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ของกลุ่มเป้าหมายจะช่วยสร้างจุดเด่นเหนือคู่แข่งได้ ภาพจาก Unsplash โดย UX Indonesia

สร้างจุดเด่น อยู่เหนือคู่แข่งให้ได้

การทำธุรกิจทั้งที่เป็นสตาร์ทอัพ และไม่ใช่สตาร์ทอัพจำเป็นต้องเผชิญกับการแข่งขันอยู่เสมอ โดยเฉพาะหากธุรกิจของเรากำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์อะไรบางอย่างที่มีแนวโน้มในการเติบโตสูง อาจมีบริษัทขนาดใหญ่มองเห็นโอกาสเช่นเดียวกัน เมื่อบริษัทใหญ่ๆ เริ่มลงมาเล่นในตลาดเดียวกัน บริษัทเล็กๆ ก็ไม่อาจสู้บริษัทใหญ่ได้เลย หรือในอีกทางหนึ่งบริษัทเล็กๆ ก็จะโดนบริษัทใหญ่เข้าซื้อกิจการในที่สุด

Eric Yuan ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เจอกับปัญหาการแข่งขันแบบนี้เช่นเดียวกัน แต่ Yuan แนะนำว่าต้องรู้จักสร้างจุดเด่นเหนือคู่แข่งให้ได้ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี ขายในราคาไม่แพง และสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว

การปรับตัวอย่างรวดเร็วนี้เป็นข้อได้เปรียบของบริษัทเล็กๆ ที่มีเหนือบริษัทใหญ่ เพราะบางครั้งบริษัทใหญ่แม้จะมีเงินทุน แต่ด้วยจำนวนพนักงานที่มากทำให้กว่าจะปรับตัวได้ก็อาจใช้เวลานานกว่า ดังนั้นบริษัทเล็กควรรู้จักปรับตัวอย่างรวดเร็ว เข้าใจความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ ยิ่งถ้าขายผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าในราคาไม่แพงได้ ก็จะเป็นการสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในที่สุด

เข้าใจเป้าหมายของตัวเอง

เป้าหมายหลักๆ ของธุรกิจสตาร์ทอัพส่วนใหญ่แบ่งออกเป็น 2 เป้าหมายหลักๆ ได้แก่ การก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพ เพื่อดึงดูดให้บริษัทใหญ่ๆ เข้ามาซื้อกิจการ เพื่อรวมกลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทใหญ่ๆ แทน กับเป้าหมายอีกแบบหนึ่ง คือ การทำให้บริษัทมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หรือนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อดึงดูดเงินจากนักลงทุนให้ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตามไม่ว่าธุรกิจสตาร์ทอัพจะมีเป้าหมายอย่างไร Yuan แนะนำว่าเจ้าของธุรกิจควรรู้เป้าหมายของตัวเองตั้งแต่แรก และทุกๆ คนในบริษัท รวมถึงพนักงานต้องรู้เป้าหมายนี้ร่วมกันด้วย เพื่อกำหนดกลุยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจตั้งแต่แรก

เช่น ถ้าเป้าหมายของบริษัทต้องการดึงดูดให้บริษัทใหญ่ๆ เข้ามาซื้อกิจการ ดังนั้นบริษัทจำเป็นต้องทำให้มีปริมาณเงินสดในบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ความสุขของพนักงานถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ภาพจาก Unsplash โดย Priscilla Du Preez

ใส่ใจความสุขของพนักงาน

แม้ว่าการเข้าใจเป้าหมายของการทำธุรกิจตั้งแต่ระยะแรก และการทำความเข้าใจลูกค้าจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำธุรกิจ แต่พนักงานก็เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะความสุขของพนักงาน Yuan เล่าว่าที่ Zoom ให้พนักงานตรวจสอบอารมณ์ของตัวเองทุกๆ เช้า และให้พนักงานมาทำงานด้วยอารมณ์ที่มีความสุขเท่านั้น หากวันใดพนักงานไม่มีความสุข Yuan แนะนำว่าควรทำงานที่บ้านจะดีกว่า เพื่อหาทางแก้ไขอารมณ์ของตัวเองก่อนแล้วค่อยกลับมาทำงานอีกครั้ง

ที่มา – Fast Company

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา