อ่านเกม “ซันโทรี่-เป๊ปซี่โค” ผนึกกันแล้วได้อะไรบ้าง?

เปิดกลยุทธ์การผนึกกำลังของ 2 ยักษ์ใหญ่ ซันโทรี่ และเป๊ปซี่โค ร่วมทุนเป็นซันโทรี่เป๊ปซี่โค เบเวอเรจทำตลาดสินค้าของเ๊ปซี่โค พร้อมเปิดแผนเพิ่มพอร์ตเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

เปิดเส้นทางเดินใหม่ของ 2 ยักษ์ จับมือสู้ศึกตลาดเครื่องดื่ม

นับเป็นดีลที่สะเทือนวงการเครื่องดื่มในไทยไม่น้อย เมื่อแบรนด์ซันโทรี่จากประเทศญี่ปุ่น ได้ผนึกกำลังร่วมกับเป๊ปซี่โค จากสหรัฐอเมริกา เป็นรูปแบบของการร่วมทุน โดยทางซันโทรี่ถือหุ้น 51% ส่วนเป๊ปซี่โคถือหุ้น 49% เปิดเป็นบริษัท ซันโทรี่เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SPBT มีทุนจดทะเบียน 19,680 ล้านบาท

ซันโทรี่เป๊ปซี่โคได้เริ่มผลิต และจัดจำหน่ายเครื่องดื่มในเครือเป๊ปซี่โคเช่น เป๊ปซี่ มิรินด้า เซเว่นอัพ ลิปตัน เกเตอเรด และอควาฟิน่า ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา

เมื่อเจาะที่แต่ละแบรนด์นั้นล้วนมีความแข็งแกร่งกันอย่างมาก ซันโทรี่ ยักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องดื่มจากประเทศญี่ปุ่น มีบริษัทในเครือ 312 บริษัท รายได้รวม 2,158 พันล้านเยน หรือ 19,200 ล้านเหรียญ สัดส่วนรายได้แบ่งเป็น อาหาร และเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ 57% เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 33% และอื่นๆ 10%

ส่วนเป๊ปซี่โค ยักษ์ใหญ่จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีรายได้รวมในปี 2017 จำนวน 63,500 ล้านเหรียญ มีบริษัทในเครือ 200 ประเทศทั่วโลก สัดส่วนรายได้แบ่งเป็นอาหาร และขนม 50% และเครื่องดื่ม 50%

แต่จริงๆ แล้วความร่วมมือของ 2 บริษัทไม่ได้เพิ่มก่อร่างสร้างตัว แต่มีเส้นทางยาวนานกว่า 35 ปีแล้ว โดยมีในที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น สเปน เวียดนาม และไทยเป็นประเทศล่าสุด

ผนึกจุดแข็งของทั้งคู่ร่วมกัน

คำถามก็คือการผนึกกำลังกันครั้งนี้มีความสำคัญอย่างไร แล้วทั้งคู่จะได้อะไร แล้วผู้บริโภคจะได้อะไร

ทั้งคู่เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งคนละอย่าง อย่างแรกเลยคือแบรนด์ มีประวัติยาวนาน และเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคชื่นชอบอยู่ไม่น้อย รวมถึงมีพอร์ตฟอลิโอที่แน่น

ซันโทรี่มีพอร์ตฟอลิโอที่หลากหลายตั้งแต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำแร่ กาแฟ ชาพร้อมดื่ม น้ำอัดลม และฟังก์ชันนอลดริงก์ มีความเชี่ยวชาญด้านวิจัย และพัฒนาในตลาดอาเซียน มีการพัฒนาสินค้าตามแบบสไตล์ญี่ปุ่นที่มองผู้บริโภคเป็นหลัก

ส่วนเป๊ปซี่โค ก็มีพอร์ตที่แข็งแกร่งไม่แพ้กันตั้งแต่น้ำอัดลม น้ำแร่ น้ำดื่ม เครื่องดื่มเกลือแร่ และชาพร้อมดื่ม เป็นแบรนด์ระดับโลก มีโครงสร้างการทำงาน และทีมงานแข็งแกร่ง

แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป๊ปซี่โคเองก็อยากที่จะครองบัลลังก์ตลาดน้ำอัดลมอีกครั้ง หลังจากที่แยกทางกับเสริมสุขแล้วลงทุนทำตลาดเองมาแล้ว 6 ปี ได้มีการลงทุนรวมกว่า 20,000 ล้านบาท ตอนนี้มีโรงงาน 2 แห่ง ที่ระยอง และสระบุรี

การได้ซันโทรี่เข้ามาที่มีจุดแข็งเรื่องการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้เข้าใจวัฒนธรรมคนเอเชียด้วยกันย่อมเป็นจุดแข็งที่มาเสริมกันได้

ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ทำให้ซันโทรี่เองก็ได้ขยายการทำตลาดในประเทศไทยไปด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนักในการร่วมทุนกับ บริษัท ทิปโก้ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ออกสินค้าทั้งชาเขียว “มิเรอิ” ฟังก์ชั่นนอลดริงก์ “ดาการะ” หรือจะเป็นชาอู่หลง “ซันโทรี่ ทีพลัส” ก็ต่างต้องม้วนเสื่อกลับทั้งสิ้น

ต้องมีสินค้าน้อยกว่า 100 แคลให้ได้จำนวน 2 ใน 3 ภายในปี 2025

หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการทำตลาดของซันโทรี่เป๊ปซี่โคนั้น ต้องการเพิ่มพอร์ตสินค้าเพื่อสุขภาพให้มากขึ้น เพราะด้วยเทรนด์ผู้บริโภคเองก็ดูแลสุขภาพมากขึ้น

พร้อมกับมีนโยบายสินค้าลดน้ำตาล ลดโซเดียม ลดไขมันอิ่มตัว และเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพลดการใช้น้ำลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน และลดประมาณของเสีย

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เป๊ปซี่โคเองก็ได้มีการปรับพอร์ตสินค้าของตัวเอง มีการเพิ่มพอร์ตสินค้าเครื่องดื่มที่มีแคลลอรี่น้อย หรือไม่มีแคลลอรี่เลย เพื่อรับกับเทรนด์ของผู้บริโภค

และเป๊ปซี่โคเองก็ได้วาง Vision Pwp 2025 เป็นเป้าหมายที่ได้วางไว้ตั้งแต่ 2015 ก้คือต้องการให้มีสินค้าเพื่อสุขภาพมากขึ้น ต้องมีเครื่องดื่มที่มีแคลลอรี่น้อยกว่า 100 แคลให้ได้ 2 ใน 3 จากสินค้าทั้งหมด ภายใน 10 ปี หรือภายในปี 2025

ซึ่งทางซันโทรรี่แข็งแกร่งในกลุ่มเครื่องดื่มเสริมสุขภาพสามารถนำมาปรับเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้

สรุป

การที่เป๊ปซี่โคแยกทางจากเสริมสุขที่เป็นพันธมิตรกันมายาวนาน แล้วนำมาทำตลาดเองนั้นอาจจะทำให้ยังมีข้อจำกัดบางอย่าง การร่วมมือกันของ 2 ยักษ์ใหญ่ครั้งนี้ จะทำให้ตลาดเครื่องดื่ม 154,000 ล้านบาทสนุกขึ้นอีกอย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา