ในสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นไทยยังแดงเถือก แต่ก็อาจเป็นโอกาสให้สาย DayTrade (เก็งกำไรหุ้นรายวัน) และสาย VI (ลงทุนระยะยาว) ยังลงทุนได้ สัปดาห์นี้ลงทุนอะไรดี?
บล.โกลเบล็กส่องราคาทอง-ชี้หุ้นน่าซื้อรับเทรนด์ช็อปช่วยชาติ
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด (บล.โกลเบล็ก หรือ GBS) บอกว่า สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยยังผันผวนในกรอบ 1,595–1,650 จุด แต่ยังแนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากคลังออกมาตรการช็อปช่วยชาติ
- CPALL – บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
- HMPRO – บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)
- ROBINS – บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน)
- CPN – บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน).
- MINT – บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
- CENTEL – บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)
- M – บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
- MAKRO – บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)
นอกจากนี้ถ้าดูจากหุ้น MSCI (Morgan Stanley Capital International เป็นบริษัททำดัชนีราคาหุ้นชั้นนำของโลก) ประกาศปรับการคำนวณดัชนีรอบกลางปีมีผล 30 พ.ย. ดัชนี Global Standard มีหุ้นที่เข้าคำนวนในดัชนีนี้คือ GULF : บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) , MTC : บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
ส่วนดัชนี Small Cap มีหุ้นเข้าคำนวนในดัชนีนี้ ได้แก่ CBG : บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน), MBK : บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) , PRINC : บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน)
หุ้นออก ได้แก่ CCET : บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), DDD : บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน), ICHI : บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), MONO : บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) และ VNG : บริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ส่วนการลงทุนทองคำ มองว่าสัปดาห์นี้ราคาทองคำแกว่งชะลอตัวลง และแนะนำให้ trading ในกรอบราคาระหว่าง 1,200–1,250 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนหนึ่งเพราะความกังวลต่อการล้นตลาดของน้ำมันดิบ ซึ่งกดให้ราคา WTI ดิ่งลงจาก 76 ดอลลาร์สหรัฐ มาแตะ 50 ดอลลาร์สหรัฐ ในเวลาไม่ถึง 2 เดือน ยิ่งช่วยหนุนให้ราคาทองคำยืนระยะต่อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
และต้องจับตาการประชุม G20 ที่มีกำหนดการระหว่างผู้นำสหรัฐฯ กับจีนจะพบกันนอกรอบเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาสงครามการค้า (Trade war) ระหว่างกัน หากการเจรจาครั้งนี้ล้มเหลว อาจะส่งผลลบต่อภาวะเศรษฐกิจโลกต่อไปอีก 1–2 ปีข้างหน้า
ส่องปัจจัยบวก-ปัจจัยลบเศรษฐกิจไทยโค้งสุดท้าย
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด บอกว่า มองดัชนีหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากในประเทศ โดยคาดการณ์ว่าที่ประชุมครม. (คณะรัฐมนตรี) จะทยอยอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี เดือนธ.ค.น่าจะเห็นการปลดล็อกให้พรรคการเมืองจัดกิจกรรมทางการเมืองได้ รวมถึงมีเม็ดเงินกองทุน LTF ช่วงปลายปีมาพยุงตลาดหุ้นไทย
ปัจจัยลบ นักวิชาการม.รังสิตวิเคราะห์ GDP ในช่วง Q4 ของไทยอาจเติบโตต่ำกว่า 4% ต่อเนื่องจาก Q3 ที่เศรษฐกิจในระดับฐานรากยังไม่ได้ขยายตัว แถมทิศทางการค้าโลกยังคงชะลอตัวลงส่งผลต่อภาคส่งออกและภาคท่องเที่ยวไม่โตตามเป้าหมาย
ส่วนปัจจัยนอกประเทศ ได้แก่ คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนธ.ค.ทำให้เงินทุน (Fund Flow) ไหลออก และต่างชาติมีสถานะขายจากต้นปีถึงสิ้นปีอยู่ที่ 2.8 แสนล้านบาท
สรุป
แม้หุ้นตกแต่วิกฤตก็เป็นโอกาสสำหรับคนที่ใช้กลยุทธ์ DCA (ทยอยซื้ออย่างต่อเนื่องเพื่อลดราคาหุ้นที่ซื้อ) GBS แนะหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากมาตรการช็อปช่วยชาติ เช่น ค้าปลีก ร้านอาหาร ฯลฯ ขณะเดียวกันยังมีหุ้นที่ได้เข้า MSCI ด้วย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา