ถ้าพูดถึงนักกีฬาบาสเก็ตบอลที่ร้อนแรงที่สุดในยุคนี้ คงหนีไม่พ้น Stephen Curry ยอดมือยิง 3 แต้มจากทีม Golden State Warriors ที่เป็นแชมป์การแข่งขันบาสเก็ตบอล NBA ในปี 2015 (และเข้าชิงอีกครั้งในปี 2016 เริ่มแข่งสัปดาห์นี้)
และถ้าพูดถึงแบรนด์เครื่องกีฬาที่มาแรงแซงโค้งแบรนด์อื่นๆ ย่อมเป็น Under Armour ที่เริ่มจากการทำเสื้อกีฬา แล้วขยับมาทำธุรกิจรองเท้ากีฬาเมื่อปี 2006 นี้เอง ปัจจุบัน Under Armour ขึ้นมายืนหยัดต่อกรกับแบรนด์เก่าแก่ทั้ง Nike และ Adidas ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
เคล็ดลับความสำเร็จประการหนึ่งของ Under Armour ในวงการรองเท้ากีฬา คือการได้ซูเปอร์สตาร์อย่าง Curry มาเป็นพรีเซนเตอร์ พลังดาราของ Curry ส่งผลให้เด็กรุ่นใหม่หันมาซื้อรองเท้ารุ่น Curry One และ Curry Two ของเขากันอย่างล้นหลาม ชิงส่วนแบ่งตลาดของคู่แข่งมาได้อย่างมาก (อัตราการเติบโตของรองเท้า Under Armour สูงถึง 350% ต่อปีในปีนี้)
ยุทธศาสตร์นี้ Nike เคยประสบความสำเร็จมาแล้วกับรองเท้ารุ่น Air Jordan ที่ได้อดีตซูเปอร์สตาร์ Michael Jordan เป็นพรีเซนเตอร์
เรื่องนี้อาจดูเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจของแบรนด์กีฬาทั่วไป เว้นเสียแต่ว่าก่อนหน้านี้ สปอนเซอร์ของ Curry ก็คือ Nike นั่นเอง
Nike เซ็นสัญญาเป็นสปอนเซอร์ของ Curry ตั้งแต่เขาเริ่มเข้าวงการ อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ Curry ยังไม่ดัง เป็นแค่ดาวรุ่งทั่วไป Nike ก็ไม่ค่อยสนใจเขามากนัก (Nike เซ็นสัญญากับนักกีฬาดาวรุ่งจำนวนมาก นักกีฬาใน NBA กว่า 74% เลือกใช้รองเท้า Nike)
ในปี 2013 Nike ส่งตัวแทนมาเจรจาต่ออายุสปอนเซอร์กับ Dell Curry พ่อของ Stephen ซึ่งเป็นอดีตนักกีฬาบาสเก็ตบอลด้วยเหมือนกัน ในสไลด์นำเสนอของ Nike กลับขึ้นชื่อของ Kevin Durant นักกีฬาชื่อดังอีกคนของ NBA ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพนักงานของ Nike นำสไลด์เก่ามาใช้แต่แก้ไขชื่อไม่หมด
Dell Curry หงุดหงิดใจอย่างมาก เมื่อบวกกับการที่ Nike ไม่สนใจสนับสนุนกิจกรรมแคมป์สอนบาสเก็ตบอลของ Stephen Curry เท่าที่ควร ยิ่งทำให้ Dell Curry รู้สึกว่าลูกชายของเขาเป็นดารานักบาสชั้นรอง ที่ไม่ได้รับความสำคัญเท่ากับดาราดังที่ Nike เป็นสปอนเซอร์อยู่ ทั้ง Kobe Bryant, LeBron James และ Kevin Durant
Dell บอกลูกชายของเขาว่าถ้ามีโอกาสก็ควรลองอะไรใหม่ๆ บ้าง และเมื่อแบรนด์หน้าใหม่อย่าง Under Armour ติดต่อเข้ามา เขาจึงตอบรับในไม่ช้า
Under Armour จับตามอง Curry มาตั้งแต่เริ่มเล่น NBA ในปี 2009 แต่เซ็นสัญญาไม่ทันเพราะ Nike ชิงตัวไปก่อนแล้ว
ตอนนั้น Under Armour เซ็นสัญญากับ Kent Bazemore เพื่อนร่วมทีมของ Curry ที่มีโอกาสเล่นเป็นตัวจริงน้อยมาก แต่ Under Armour กลับดูแลเขาอย่างดี ส่งรองเท้าและอุปกรณ์กีฬาจำนวนมากไปให้ Bazemore จนเพื่อนร่วมทีมหรือสต๊าฟของทีมต้องแบ่งเสื้อผ้าไปใส่บ้าง ส่งผลให้ผู้เล่นในทีม Warriors เริ่มรู้จักแบรนด์นี้
Bazemore ร่วมซ้อมพิเศษกับ Curry หลังการซ้อมปกติจนเป็นเพื่อนสนิทกัน เมื่อ Curry พูดขึ้นมาว่าสัญญาของเขากับ Nike กำลังจะหมด Bazemore จึงยิงทันทีว่า ‘มาอยู่กับ Under Armour ดีกว่า’
หลังจากนั้น ตัวแทนของ Under Armour ก็มีโอกาสได้พบกับ Stephen Curry เพื่อนำเสนอสัญญาสปอนเซอร์ฉบับใหม่ให้กับเขา ตามสัญญาเดิมของ Nike บริษัทยังมีโอกาสนำเสนอสิทธิประโยชน์แข่งกับรายใหม่ให้ Curry พิจารณาเลือกก่อน แต่ตอนนั้น Nike กลับไม่ทำ ทั้งที่สัญญามีมูลค่าไม่ถึง 4 ล้านดอลลาร์ต่อปีด้วยซ้ำ
ในปี 2016 นี้ บริษัทการเงิน Morgan Stanley ประเมินว่ามูลค่าของ Stephen Curry ต่อธุรกิจของ Under Armour สูงกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์
เรื่องนี้ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ในรอบหลายปีของ Nike ที่ไม่สามารถคว้าตัว Curry เอาไว้ได้ (Curry มีสัญญากับ Under Armour จนถึงปี 2024)
ข้อมูลจาก ESPN
วิดีโอโฆษณา Stephen Curry ของ Under Armour
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา