หลายคนคงเคยกินอาหารร้าน McDonald และดื่มกาแฟร้าน Starbucks แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่า 2 บริษัทนี้กำลังบี้กันในเรื่องความเป็นเชนร้านอาหารที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
เบอร์หนึ่งอาจเปลี่ยนหากไม่ปรับตัว
ปัจจุบันเชนร้านอาหารที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกคือ McDonald ผ่าน Market Cap 9.95 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.5 ล้านล้านบาท) แต่ Starbucks ก็ไล่มาติดๆ ที่ 8.03 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 2.8 ล้านล้านบาท) แม้ในปี 2559 ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจกาแฟรายนี้จะเผชิญกับปัญหาการเติบโตค่อนข้างช้า รวมถึง Howard Schultz ประธานเจ้าหน้าบริหารคนเก่งของบริษัทก็มาสละตำแหน่ง เรียกว่าเจอสองเหตุการณ์นี้เข้าไป ผู้ถือหุ้นก็มีความเชื่อมั่นในธุรกิจนี้ลดลงทันที
แต่ด้วยธุรกิจร้านกาแฟมีคู่แข่งระดับเดียวกันค่อนข้างน้อย ประกอบกับกลุ่มร้าน Fast Food ก็ยังแข่งอย่างดุเดือด ทำให้ Starbucks ค่อยๆ ขยายมูลค่าของธุรกิจจ่อคอหอย McDonald และยิ่งยักษ์ใหญ่กาแฟรายนี้ออกสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยม เช่นตระกูล Reserve ก็ช่วยสร้างรายได้กว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1 แสนล้านบาท) พร้อมกับเพิ่มมูลค่าการซื้อต่อแก้วให้สูงขึ้นเช่นเดียวกัน
50,000 สาขาทั่วโลกคืออีกปัจจัย
Mark Kalinoski นักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ Nomura มองว่า ในปี 2560 แต่ละสาขาของ Starbucks มีโอกาสทำรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 5% และภายในปี 2564 เชนกาแฟรายนี้น่าจะมีสาขาได้ถึง 50,000 แห่งทั่วโลก จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 37,000 แห่ง เพราะปัจจุบันก็มีอยู่แล้ว 25,000 แห่ง และการขยายสาขา ผ่านการเติบโตของพฤติกรรมการดื่มกาแฟของคนทั่วโลก ประกอบกับสินค้าตัวใหม่ที่เปิดตัวอย่างต่อเนื่อง ก็น่าจะทำให้ Starbucks เป็นเชนร้านอาหารที่มีสาขามากที่สุดในโลก นอกจากมี Market Cap สูงที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายกัน
ทั้งนี้เว็บไซต์ Bloomberg รายงานว่า เชนร้านอาหารที่มีสาขามากที่สุดในโลกคือ Subway ผ่านสาขาทั้งหมดราว 46,000 แห่ง รองลงมาเป็น McDonald 36,000 แห่ง, Starbucks 25,000 แห่ง, KFC 20,000 แห่ง, Pizza Hut 16,00 แห่ง และสุดท้ายคือ Burger King 15,000 แห่ง
สรุป
โอกาสที่ Starbucks จะขึ้นเป็นร้านอาหารที่มี Market Cap สูงที่สุดในโลกก็เป็นไปได้ เพราะหากเบอร์หนึ่งไม่ยอมปรับตัวในเรื่องนี้ แต่เบอร์รองกลับออกสินค้าตัวใหม่ พร้อมสร้างสีสันในตลาดโดยตลอด การสลับเปลี่ยนตำแหน่งก็คงเกิดขึ้นได้ในไม่ช้า แต่ถ้าเบอร์หนึ่งปรับตัวก็คงต้องดูกันอีกทีว่ารายไหนจะเป็นผู้ชนะในเรื่องนี้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา