หลัง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มอบหมายงานให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ไปศึกษาโมเดลการตั้งตลาดหุ้นสำหรับกลุ่มสตาร์ทอัพ เพื่อรองรับเงินทุน และช่วยให้สตาร์ทอัพเติบโตได้เร็วขึ้น โดย 3 เดือนจากนี้จะเห็นเป็นรูปธรรม
ทีมงาน Brand Inside จึงเข้าไปสอบถามเรื่องนี้กับนายกสมาคมสตาร์ทอัพ และสตาร์ทอัพ รวมถึงนักลงทุนตัวกลั่น ว่าเห็นอะไรจากเรื่องนี้บ้าง ลองมาติดตามกัน
Thai Tech Startup เห็นดี เพราะช่วยเปิดช่อง Exit
วัชระ เอมวัฒน์ นายกสมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ หรือ Thai Tech Startup บอกว่า สมาคมค่อนข้างเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เพราะช่วยเพิ่มโอกาสให้ Startup ในประเทศไทยสามารถ Exit ได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังมีสิ่งที่กลัวคือ ตลาดหุ้นอันใหม่นี้จะถูกใช้จากธุรกิจประเภทอื่นที่ไม่ใช่ Startup และหากเกิดขึ้นจริง จะทำให้ตลาดนี้ไม่เป็นไปตามแนวคิดที่ประกาศไว้ตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตามหากตลาดหุ้นสตาร์ทอัพมีการบังคับใช้อย่างชัดเจน และประชาสัมพันธ์ในวงกว้าง นักลงทุนจะหาข้อมูลเพื่อศึกษาด้วยตัวเอง เพื่อเข้าใจคำว่า Startup มากขึ้น และสร้างโอกาสจากการลงทุนได้ นอกจากนี้การมีตลาดหุ้นสตาร์ทอัพยังทำให้บุคคลภายนอก และสตาร์ทอัพด้วยกัน เห็นมากกว่าตัวเลข Download และ CLV (Customer Lifetime Value)
ตั้งตลาดที่ 3 แบบญี่ปุ่นน่าจะเวิร์ก
ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุ๊คบี จำกัด เห็นว่า การตั้งตลาดหุ้นที่ 3 เพื่อรองรับสตาร์ทอัพ คล้ายกับรูปแบบของประเทศญี่ปุ่น ที่มีตลาดหุ้นใหญ่ เพื่อรองรับบริษัทขนาดใหญ่, ตลดาหุ้นกลาง เพื่อรองรับบริษัทระดับกลาง และตลาด Mothers (Market of the High-Growth and Emerging Stocks) เพื่อรองรับกลุ่ม Tech Startup โดยเฉพาะ ก็จะทำให้ระบบนิเวศของการลงทุนสมบูรณ์
“ถ้าสามารถควบคุมกฎกติกาให้เหมาะสม ผ่านการศึกษาตลาด Mothers ที่ญี่ปุ่น ก็น่าจะช่วย Startup ได้เจอกับนักลงทุนได้เร็วขึ้น เพราะตอนนี้ที่ Startup อยากเข้า แต่เข้าไม่ได้ เพราะติดเรื่องกฎระเบียบที่ตั้งขึ้นมาของทาง SET และ MAI ส่วนจะมีรายละเอียดอย่างไร หรือมี Startup ไปจดทะเบียนไหม และนักลงทุนไปลงทุนกันขนาดไหนก็คงต้องดูอีกที แต่ยืนยันเรื่องปั่นหุ่นว่า ถ้ากติกาดี เหตุการณ์นี้คงเกิดยาก”
ก็แค่ Casino ถ้ากติกาไม่เปะ
กระทิง พูนผล ผู้จัดการกองทุน 500 ตุ๊กตุ๊กส์ ย้ำว่า ตอนนี้ประเทศเวียดนามก็มีแผนจะทำตลาดหุ้นสำหรับ Startup แบบที่กลต. กำลังหาข้อมูล เพราะช่วยเพิ่มช่องทาง Exit ให้กับ Startup แต่ต้องมีกฎกติกาที่รัดกุม เพื่อไม่ให้ตลาดหุ้น Startup กลายเป็น Casino ที่มีแต่การปั่นมูลค่า เช่นการตรวจสอบตัวบริษัทให้ดีก่อนเปิดให้จดทะเบียน รวมถึงต้องให้ข้อมูลกับนักลงทุนเป็นพิเศษ เพื่อสามารถตัดสินได้อย่างถูกต้อง
ในทางกลับกัน การทำ Secondary Market หรือการเปิดตลาดที่ให้เฉพาะ Startup ประกาศขายหุ้นได้ และเป็นกลุ่ม Accredited Investors หรือนักลงทุนที่ถูกคัดเลือกแล้ว สามารถลงทุนได้เท่านั้น ไม่ใช่ทุกคนสามารถเข้ามาซื้อขายในตลาดนี้ได้ น่าจะเหมาะกับประเทศไทยมากกว่า เพราะนอกจากจะช่วยคัดกรองทั้ง Startup และนักลงทุนคุณภาพ ยังลดการปั่นมูลค่าเกินจริงเช่นกัน
สรุป
ก่อนหน้านี้ Thai Tech Strtup มีการเข้าไปคุยกับ MAI เกี่ยวกับมาตรการการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์บ้างแล้ว แต่เมื่อช่องว่างใหม่เปิด และเป็นแค่ตลาด Startup เท่านั้น ใครๆ ก็คงไม่อยากพลาดโอกาสนี้ และน่าจะมี Startup เข้าไประดมทุนกันเยอะหากเกิดขึ้นจริง แต่ในระยะยาวคงต้องดูอีกที่ว่าการตั้งตลาดเฉพาะออกมาจะช่วยได้แค่ไหน นักลงทุนจะสนใจหรือไม่ อีกเรื่องที่สำคัญ คือ งบประมาณ Startup 20,000 ล้านบาทตอนนี้ ยังไปไม่ถึงไหนเลย นอกจากเห็นแค่งานตามต่างจังหวัด และในกรุงเทพ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา