Starbucks บอกพนักงาน ถ้าเข้าออฟฟิศไม่ถึง 3 วัน เตรียมโดนไล่ออกได้เลย

Starbucks ออกมาเตือนพนักงานว่า ถ้าหากไม่เข้าออฟฟิศให้ได้อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ มีสิทธิ์โดนไล่ออก

Starbucks

นโยบายนี้จะเริ่มต้นขึ้นในเดือนมกราคมปี 2025 เป็นต้นไป โดยจะกระทบพนักงานที่ทำงานในออฟฟิศของ Starbucks กว่า 3,500 คนทั่วโลก (ไม่นับรวมพนักงานประจำสาขา เพราะต้องเดินทางไปทำงานที่ร้านอยู่แล้ว)

ส่วนเหตุผลที่ Starbucks บอกกับพนักงานคือ นโยบายนี้จะเป็นมาตรฐานที่ทำร่วมกันทั้งบริษัท (Standardized Process) ไม่มีข้อแม้ ดังนั้นถ้าพนักงานคนใดไม่ทำ จะมีผลตามมาอย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้ Brian Niccol ซีอีโอคนปัจจุบันของ Starbucks เคยออกมาบอกว่า มุมมองการทำงานของเขา คือการให้พนักงานกลับเข้ามาทำงานในออฟฟิศ 

ที่สำคัญคือ เขาไม่สนด้วยว่าใครจะคิดอย่างไร เพราะนี่คือเรื่องจำเป็นที่ต้องทำให้ได้ และพนักงานของเราก็โตๆ กันแล้ว (We’re all adults here)

อันที่จริง Niccol เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอของ Starbucks ได้ไม่ถึง 3 เดือน เขาก็เริ่มเข้มงวดกับนโยบายกลับเข้าออฟฟิศ พร้อมทั้งเคยบอกพนักงานด้วยว่า “คุณจะทำงานเวลาไหนก็ได้เพื่อให้งานเสร็จ แต่ถ้าถามว่าควรทำที่ไหน ผมก็จะบอกว่า มันควรเป็นที่ออฟฟิศ”

Starbucks ไม่ใช่บริษัทใหญ่บริษัทแรกที่ออกนโยบายเรียกกลับเข้าออฟฟิศ ก่อนหน้านี้มีทั้ง Amazon, Dell, Grab และอีกหลายบริษัทใหญ่ๆ ระดับโลก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทใหญ่ๆ จะออกมาบอกว่า การเข้ามาทำงานในออฟฟิศมีประโยชน์ต่อการทำธุรกิจและความร่วมมือกันของพนักงานในองค์กร แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำงาน ระบุว่า นโยบายเรียกพนักงานเข้าออฟฟิศ 5 วันเปรียบเสมือนนโยบายของไดโนเสาร์ที่ตกยุคไปแล้ว 

ส่วนบริษัทอื่นๆ ที่ไม่ได้มีมุมมองการทำงานเหมือน Starbucks อย่างเช่น Spotify ที่บอกว่า ทางบริษัทจะไม่เรียกพนักงานเข้าออฟฟิศ เพราะพนักงานของเราไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ทุกคนจะทำงานจากที่ไหนก็ได้ 

ด้าน Brigid Schute ผู้อำนวยการบริษัท Better Life Lab และผู้แต่งหนังสือ Over Work กล่าวว่าสาเหตุที่ CEO พากันสั่งให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศแบบเดิมเป็นเพียง Echo Chamber หรือสิ่งที่พวกเขาเชื่อกันไปเองด้วยการสะท้อนความเห็นเดิมๆ ในวงแคบๆ โดยไม่มีหลักฐานใดๆ มาอ้างอิง

ที่มา: Bloomberg (1) (2)Quartz

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา