Starbucks บุก Hollywood! เปิดสตูดิโอภาพยนตร์ของตัวเอง พาร์ทเนอร์กับบริษัทของโปรดิวเซอร์รางวัลออสการ์

Starbucks ไม่น้อยหน้า บุก Hollywood เปิดสตูดิโอสร้างภาพยนตร์เป็นที่เรียบร้อย หรือการโฆษณาแบรนด์แบบเดิม ๆ จะไม่เวิร์คอีกต่อไป ทำให้แบรนด์ใหญ่ต้องหันมาทำภาพยนตร์แข่งกันบ้าง?

Starbucks กลายเป็นหนึ่งในรายชื่อแบรน์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่พยายามบุกตลาด Hollywood ผ่านการสร้างสตูดิโอภาพยนตร์เพื่อสร้างคอนเทนต์ออริจินัลของตัวเอง  โดยใช้ชื่อว่า Starbucks Studio เน้นไปที่การฉายแสงให้กับเรื่องราวและผู้คนไม่ว่าจะเป็นศิลปิน ผู้คิดค้นนวัตกรรมต่าง ๆ ไปจนถึงคนที่มีอิทธิพลในเชิงบวกต่อโลก

Starbucks Studios จะทำงานร่วมกับ Sugar23 บริษัทผลิตภาพยนตร์ที่ถูกก่อตั้งโดยหัวเรือใหญ่อย่าง Michael Sugar ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะโปรดิวเซอร์เจ้าของรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง “Spotlight” ที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาโปรเจคต่าง ๆ 

ในปีที่ผ่านมา Michael Sugar มีผลงานในการช่วยปูทางให้หลายแบรนด์ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมความบันเทิง มีจุดประสงค์หลักก็เพื่อสร้างกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการโฆษณาแบรนด์แบบเดิม ซึ่งสตูดิโอหลัก ๆ ที่เขาได้เข้าไปมีส่วนร่วมก็อย่างเช่น Time Studios ของนิตยสาร Time และ Day Zero Productions ของ Trevor Noah ที่เป็นผู้สร้างซีรีส์สารคดีเรื่อง “The Tipping Point”

ทั้งนี้ ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เชนร้านกาแฟอย่าง Starbucks เข้ามาผลิตคอนเทนต์ออริจินัล แต่เริ่มมาจากในปี 2016 ที่ได้ปล่อยซีรีส์เรื่อง “Upstanders” ใน 2 ซีซั่นแรกที่เป็นเรื่องราวที่เล่าถึงกลุ่มคนที่สร้างการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ ให้กับสังคมที่ตัวเองอยู่

ตามมาด้วย “Hingakawa” สารคดีสั้นเกี่ยวกับสหกรณ์กาแฟที่รวบรวมผู้คนในประเทศรวันดาหลังการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับสารคดี “This is Football” บน Prime Video ที่เล่าถึงกีฬาฟุตบอลที่เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก

ไม่ได้มีแค่ Starbucks แต่แบรนด์ใหญ่รายอื่นๆ ก็สนใจทำสตูดิโอ

ยิ่งกว่านั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ Starbucks แบรนด์เดียวที่ทำสตูดิโอเป็นของตัวเอง ก่อนหน้านี้ Saint Laurent ก็ได้สร้างสตูดิโอ Saint Laerent Productions ขึ้นมา เช่นเดียวกับแบรนด์อื่นอีก ไม่ว่าจะเป็น AB InBev, Mailchimp, และ LVMH ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือภาพยนตร์ Barbie จากค่ายใหญ่ Mattel 

การที่แบรนด์ใหญ่หันมาสร้างภาพยนตร์และซีรีส์ไปจนถึงการสร้างสตูดิโอของตัวเองเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบหนึ่งที่ทำให้คนดูรู้สึกว่ากำลังชมความบันเทิงจริง ๆ 100% ไม่มีการโฆษณาแบรนด์มาปะปน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นขณะที่การโฆษณาแบรนด์แบบเดิม ๆ เริ่มได้ผลน้อยลง

Sugar บอกว่า กลยุทธ์นี้เป็นการใช้ความบันเทิงเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้ชมกลุ่มใหญ่หรือพูดง่าย ๆ ก็คือการสร้าง Brand Loyalty 

แบรนด์ยังได้รับการสนับสนุนโดยแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งไม่ว่าจะเป็น HBO Max และ Netflix ผ่านแพ็คเกจรายเดือนที่มีโฆษณา ส่วนทางฝั่งบริษัทโปรดักชั่นอย่าง Star23 เอง การทำงานกับแบรนด์ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้ในยุคสมัยที่แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งไฟเขียวกับภาพยนตร์และซีรีส์ต่าง ๆ น้อยลงเพราะต้องการชะลอการลงทุนเพิ่มและรักษาผลกำไรไว้

ที่มา – Business Insider, Starbucks, Fast Company

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา