พายุเข้า-การแข่งขันเดือด ทำ Starbucks พลาดเป้ารายได้

Starbucks เริ่มต้องปรับตัวมากขึ้น เพราะภัยธรรมชาติในสหรัฐฯ ทำหน้าร้านกว่า 1,100 แห่งเปิดขายได้ไม่เต็มที่ และการแข่งขันทั้งฝั่งกาแฟราคาถูก ราคาแพงก็โจมตีอย่างหนัก จนที่สุดแล้วปีนี้ก็พลาดเป้ารายได้ในไตรมาสสุดท้าย

Starbucks Roastery photographed on March 10, 2016. (Joshua Trujillo, Starbucks)

ความขมที่ไม่หอมหวานอีกต่อไป

จากรสชาติ และกลิ่นกาแฟ รวมถึงงานบริการทำให้ Starbucks ครองใจคนทั่วโลกมาระยะหนึ่ง และสร้างรายได้เติบโตต่อเนื่อง แต่ด้วยภัยธรรมชาติที่ไม่คาดคิดในสหรัฐอเมริกาที่เป็นตลาดหลัก ทำให้ยอดขาย Same-Store ที่นั่นลดลงถึง 2% เพราะกว่า 1,100 สาขาไม่สามารถให้บริการอย่างปกติได้ระยะหนึ่ง

ขณะเดียวกันกลุ่มร้านสะดวกซื้อ และร้าน Fast Food ต่างๆ ก็ส่งเมนูกาแฟราคาถูกออกมาดึงผู้บริโภค เพื่อให้เข้ากับช่วงเศรษฐกิจฝืดเคือง ไม่ใช่แค่นั่นกลุ่มกาแฟทางเลือกใหม่อย่าง Intelligentsia และ Blue Bottle ก็ขยายสาขาต่อเนื่อง เพื่อดึงคนที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟจริงๆ จาก Starbucks ไปอีก

มากไปกว่านั้น การที่ Starbucks อำนวยความสะดวกลูกค้าให้สั่งสินค้าผ่านทาง Mobile ได้ ก็ทำให้ในร้านวุ่นวายเป็นอย่างมาก และงานบริการเดิมๆ ก็อาจไม่ได้รับในช่วงนี้เช่นกัน จนลูกค้าหดหายไปบางส่วน และ Starbucks ก็ต้องควบคุมค่าใช้จ่าย รวมถึงเตรียมขายแบรนด์ชา Tazo ใหักับ Unilever ด้วยมูลค่า 384 ล้านเดอลลาร์สหรัฐ

Kevin Johnson ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Starbucks ยอมรับว่า เราถูกห้อมล้อมไปด้วยการแข่งขันอันดุเดือด และทำให้บริษัทมีรายได้ในไตรมาสที่ 4 ที่เพิ่งสิ้นสุด 1 ต.ค. เติบโตราว 2% ไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ หรือปิดที่ 5,700 ล้านดอลลาร์ ไม่มีการเติบโตเมื่อเทียบกับเวลาเดียวกันในปีก่อน

ทั้งนี้รายได้รวมปีปฏิทิน 2560 ของ Starbucks ยังค่อนข้างเติบโต โดยเพิ่มขึ้น 5% คิดเป็นมูลค่า 22,400 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังเตรียมเข้าไปทำตลาดในประเทศจีนเพิ่มเติม ผ่านการทุ่มเงิน 1,300 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อหน้าร้าน Starbucks อีก 50% จากพาร์ทเนอร์ในจีน เพราะตลาดที่นั่นเติบโตกว่า 8% สูงที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ

อ้างอิง // Reuters, CNBC, Business Wire

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา