ช่วงนี้เป็นช่วงที่ศึกกาแฟจีนกำลังเดือด โดย Luckin Coffee สตาร์ทอัพสายกาแฟที่กำลังมาแรงในจีนเพิ่งจะยื่นเอกสารขอไอพีโอเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ล่าสุด ซีอีโอของ Starbucks ออกมากล่าวว่ากลยุทธหั่นราคาที่ร้านกาแฟเหล่านี้กำลังทำอยู่นั้นไม่ยั่งยืน
Kevin Johnson ซีอีโอของ Starbucks ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNBC โดยเขาระบุว่าคู่แข่งในจีนซึ่งรวมถึง Luckin Coffee ด้วยนั้นกำลังใช้กลยุทธการสร้างส่วนแบ่งการตลาดด้วยการ “ลดราคาอย่างหนัก” (heavy, heavy discounts) ซึ่งเขาเชื่อว่ากลยุทธนี้ไม่ยั่งยืน
Johnson ระบุว่า Starbucks ลงทุนและสร้างร้านใหม่กว่า 600 แห่งทุกปี ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ Starbucks เชื่อมั่นว่าจะยั่งยืน เพื่อให้มีเงินในการสร้างร้านใหม่ด้วยอัตราเดียวกันนี้ในอีกหลายๆ ปี
Starbucks มีหน้าร้านกว่า 3 หมื่นแห่งทั่วโลก และอยู่ในจีนมาแล้วราว 20 ปี ซึ่ง Starbucks มี 3,600 สาขาใน 150 เมืองของจีน และตั้งเป้าจะขยายสาขาในจีนให้ได้ถึง 6,000 แห่งในปี 2022
ส่วน Luckin Coffee ขยายสาขาในจีนไปแล้วถึง 2,370 สาขาภายในระยะเวลาไม่ถึงสองปี และมีแผนจะขยายสาขาอีกถึง 2,500 สาขาในปีนี้ จึงเป็นไปได้ว่าจำนวนสาขาของ Luckin Coffee น่าจะแซง Starbucks ได้ในปีนี้
แต่การขยายสาขาอย่างรวดเร็วนี้ก็ดูจะผิดจากโมเดลธุรกิจของ Luckin ไปบ้าง เนื่องจากทางบริษัทมีความเชี่ยวชาญในการรับออร์เดอร์ผ่านช่องทางดิจิทัล และส่งสินค้าแบบออนดีมานด์มากกว่า ต่างกับ Starbucks ที่จะเน้นรีเทล แต่ Starbucks เองก็ร่วมกับ Alibaba เพื่อขายกาแฟแบบดิลิเวอรี่แล้วเช่นกัน
Starbucks ยังไม่ได้เปิดเผยว่าตอนนี้ยอดขายในจีนเป็นอย่างไร แต่รายงานว่าใน “จีนและเอเชียแปซิฟิก” ทั้งหมดในไตรมาสแรกปีนี้มียอดขาย 1.29 พันล้านดอลลาร์ มีกำไร 232 ล้านดอลลาร์ จากร้านค้ารวม 9,000 แห่ง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา