ประเทศที่ถูกโควิด-19 แพร่ระบาดจนบอบช้ำสาหัสรองลงมาจากสหรัฐอเมริกา (ที่ถือเป็นประเทศที่ติดเชื้อโควิดและเสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก) 3 อันดับแรกคือ สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส มีคนติดเชื้อทะลุ 2 แสนราย ถ้านับจากคนติดเชื้อก็ถือว่าสเปนติดเชื้อมากสุดเป็นอันดับ 1 ตามด้วยอิตาลี ฝรั่งเศส แต่ถ้าดูจากยอดคนเสียชีวิต อิตาลีถือว่าเป็นอันดับ 1 นำสเปน และฝรั่งเศส
ทั้ง 3 ประเทศนี้แม้จะโดนโควิด-19 โจมตีสาหัสหนักหน่วงติดอันดับ Top 5 ของโลก ตอนนี้การติดเชื้อเริ่มค่อยๆ ลดจำนวนลงแล้ว เตรียมลดข้อจำกัดต่างๆ ที่ทำให้โควิดแพร่ระบาดและเตรียมเข้าสู่การลดมาตรการ Lockdown
สเปน
ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศในยุโรปที่ใช้มาตรการ Lockdown ประเทศอย่างเข้มข้นที่สุด นับตั้งแต่ 14 มีนาคมเป็นต้นมา พลเมืองในประเทศจะถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกมาจากบ้าน เว้นแต่ว่าจะไปซื้ออาหารที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านยา หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือพาหมาออกไปเดินเล่น เมื่ออัตราการติดเชื้อเริ่มลดลงแล้ว มาตรการเข้มข้นต่างๆ ที่เคยใช้ก็จะเริ่มผ่อนคลายลงบ้าง
เด็กๆ ชาวสเปนที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปีถูกจำกัดให้อยู่แต่ในบ้านมาเป็นเวลา 6 สัปดาห์ หรือประมาณ 1 เดือนครึ่ง แต่วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายนที่ผ่านมานี้ พวกเขาได้รับอนุญาตให้ออกมาข้างนอกอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง แม้ว่าสวนสาธารณะและสนามเด็กเล่นจะยังปิดบริการอยู่ก็ตาม นับตั้งแต่สัปดาห์หน้าขึ้นไป ผู้ใหญ่จะได้ออกมานอกบ้านเพื่อออกกำลังกายหรือเดินเล่นได้บ้างแล้ว
El Consejo de Ministros aprobará el próximo martes el Plan de Desescalada. Una desescalada que será gradual, asimétrica y coordinada. Avanzaremos a distinta velocidad, pero con las mismas reglas, hacia la nueva normalidad que regirá nuestras vidas hasta que tengamos una vacuna. pic.twitter.com/LXoU6HpuZ9
— Pedro Sánchez (@sanchezcastejon) April 25, 2020
สัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี Pedro Sanchez ประกาศว่า จะค่อยๆ ลดมาตรการเข้มงวดทั้งหลายลง ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม แต่โรงเรียนต่างๆ คาดว่าจะกลับมาเปิดให้มีการเรียนการสอนอีกครั้งในเดือนกันยายน นายกฯ สเปน ระบุว่าชีวิตหลังจากนี้จะเป็นวิถี new normal จนกว่าจะผลิตวัคซีนได้
อิตาลี
ในช่วงเริ่มวิกฤตโควิด-19 กำลังระบาดหนักๆ ในระยะแรกเริ่ม อิตาลีถือเป็นจุดแพร่เชื้อรุนแรงแห่งหนึ่งของโลก จนรัฐบาลต้องมีคำสั่ง Lockdown ประเทศตั้งแต่ 9 มีนาคมเป็นต้นมา ถือเป็นชาติแรกในยุโรปที่ใช้มาตรการนี้ จนกระทั่งปลายเดือนมีนาคม อิตาลีเริ่มมีจำนวนคนติดเชื้อใหม่ๆ ลดลง
จากนั้นนายกรัฐมนตรี Guiseppe Conte ได้หารือกับผู้นำทางธุรกิจและผู้นำในระดับภูมิภาคเมื่อ 26 เมษายนที่ผ่านมา จึงมีแนวคิดเตรียมยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ ในวันที่ 4 พฤษภาคม สวนสาธารณะจะเริ่มเปิดให้บริการ ผู้คนจะได้รับอนุญาตให้มาออกกำลังกายกลางแจ้งได้อีกครั้งหนึ่ง และสามารถไปเยี่ยมเยียนญาติมิตรได้แต่ก็ต้องใส่หน้ากากและใช้มาตรการ Social Distancing ต่อไป
นายกฯ อิตาลีระบุว่า ประเทศจะต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหลัง 4 พฤษภาคมนี้ เราไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้หากยัง Lockdown ประเทศต่อ แต่การเริ่มต้นใหม่ครั้งนี้นั้นก็ต้องมั่นใจว่ามีความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุขด้วย
Stiamo lavorando per facilitare la ripartenza del Paese dopo il 4 maggio. Non possiamo protrarre oltre questo lockdown, ma il riavvio dovrà avvenire in piena sicurezza, a garanzia della salute pubblica.
La mia intervista oggi a @repubblica ➡️ https://t.co/y1sP9V76sh pic.twitter.com/c30CmuanhX— Giuseppe Conte (@GiuseppeConteIT) April 26, 2020
โรงงานต่างๆ จะเริ่มให้กลับมาดำเนินกิจการได้ตามเดิม ร้านอาหารก็กลับมาได้ แต่ให้เป็นลักษณะ takeaways หรือนำกลับไปทานที่บ้าน ไม่ทานที่ร้าน รวมถึงร้านรวงต่างๆ ร้านทำผม และพิพิธภัณฑ์ จะกลับมาดำเนินกิจการอีกครั้งอย่างเต็มรูปแบบ 1 มิถุนายนนี้ ส่วนโรงเรียนยังไม่อนุญาตให้เปิด จนกว่าจะเข้าสู่ช่วงซัมเมอร์
ฝรั่งเศส
28 เมษายน นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส Edouard Philippe ประกาศให้ประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการ Lockdown อย่างไรก็ดี จากผลสำรวจพลเมืองชาวฝรั่งเศสเริ่มเห็นด้วยกับการใช้มาตรการปิดประเทศอย่างเข้มข้นน้อยลงในอัตราที่ต่ำกว่า 50%
Qui sera testé ? Toute personne déclarant des symptômes et, si elle est positive, ceux qui sont entrés en contact rapproché avec cette personne. Nous allons donc tester beaucoup d’asymptomatiques. Si nous sortons de cette doctrine et chacun fait ce qu’il veut, ça ne marchera pas. pic.twitter.com/Lkijogmard
— Edouard Philippe (@EPhilippePM) April 29, 2020
ดังนั้น ฝรั่งเศสจะกลับมาลดมาตรการ Lockdown และข้อจำกัดต่างๆ ในวันที่ 11 พฤษภาคม ซึ่งก็มีธุรกิจและภาคส่วนต่างๆ ที่เข้าข่าย 17 อันดับที่ฝรั่งเศสจะให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ หนึ่งในนั้นก็คือการให้สถานที่ทำงานต่างๆ กลับมาทำงานได้ และเพิ่มการตรวจโรค ให้ระบบขนส่งมวลชนกลับมาให้บริการ นายกฯ ฝรั่งเศสระบุว่า จะเพิ่มอัตราการตรวจโรคมากขึ้น ถ้าไม่ใช้แนวทางนี้น่าจะทำให้แผนล้มเหลวได้ นอกจากนี้ ประธานาธิบดี Emmanuel Macron ยังประกาศให้โรงเรียนและสถานรับเลี้ยงเด็ก กลับมาเริ่มเปิดให้มีการเรียนการสอนและกลับมาให้บริการได้ในวันที่ 11 พฤษภาคม
ทั้งนี้ Arnaud Bernaert หัวหน้าด้านสาธารณสุข แห่ง World Economic Forum ระบุว่า สิ่งที่ประเทศต่างๆ ในยุโรปจะเริ่มลดมาตรการเข้มงวดและข้อจำกัดต่างๆ ได้ มีปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน อาทิ จะต้องมีหลักฐานชัดเจนว่าโควิด-19 อยู่ในระยะที่สามารถควบคุมได้ มีศักยภาพด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพียงพอ กรณีที่อาจจะมีคนติดเชื้อปะทุขึ้นมาใหม่ ต้องมีทรัพยากรเพียงพอที่จะดูแลคนป่วย
คนสูงวัยก็ยังคงมีความเสี่ยงสูง ต้องดูแล หลายประเทศก็เริ่มยกระดับเพิ่มจำนวนการตรวจเชื้อหาโรค และเริ่มสอบสวนโรค (contac tracing) มากขึ้น สิ่งเหล่านี้ จะช่วยจำกัดการติดเชื้อได้ สุดท้ายก็คือ มาตรการ Social Distancing และการทำงานทางไกลหรือทำงานจากบ้าน ถ้าทำได้ตามปัจจัยที่ว่ามา ก็จะทำให้โควิด-19 อยู่ในระดับที่จัดการได้
ที่มา – World Economic Forum
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา