SPACE-F Batch 5 เปิดรับสมัครแล้ว โอกาสสำหรับสตาร์ทอัพด้านอาหารที่ไม่ควรพลาด พร้อมเปิดตัว เนสท์เล่ พันธมิตรใหม่เข้าร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารเต็มสูบ

อุตสาหกรรมอาหารไทย เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญ โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่ส่งออกอาหารเป็นอันดับที่ 12 ของโลก ปี 2566 มีมูลค่าการส่งออกอาหารกว่า 1.5 ล้านล้านบาท มีผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกว่า 136,000 ราย และมีการจ้างงานกว่า 973,000 ตำแหน่ง

ทั้งหมดนี้บอกให้รู้ว่า การส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมด้านอาหารเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง นั่นจึงทำให้เกิดโครงการ SPACE-F โครงการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตทางธุรกิจเทคโนโลยีอาหารระดับโลกโครงการแรกของไทยขึ้นตั้งแต่ปี 2562

ความพิเศษ เนสท์เล่ เข้าร่วมพันธมิตรโครงการ

แต่ปีนี้มีความพิเศษยิ่งขึ้น เพราะบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการ โดยลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA), บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และมหาวิทยาลัยมหิดล ยิ่งตอกย้ำแนวคิดของโครงการในปีนี้ นั่นคือ Collaboration for the Future of Food ความร่วมมือในการสร้างอาหารแห่งอนาคตร่วมกัน


ทุกคนเห็นเป้าหมายตรงกันว่า ต้องร่วมกันพัฒนาระบบนิเวศที่ส่งเสริมการเติบโตและความสามารถในการแข่งขันของสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี อาหาร เพื่อสร้างอาหารที่เพียงพอกับความต้องการ และทุกคนสามารถเข้าถึงได้

สนับสนุนเต็มที่เพื่อความยั่งยืน

วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า บอกว่า โครงการ SPACE-F เป็นกุญแจสำคัญที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารของไทยสู่อนาคต ด้วยการสร้างสรรค์อาหารที่ทั้งดีต่อผู้บริโภค และดีต่อโลกของเรา สอดคล้องกับกลยุทธ์ของเนสท์เล่ ซึ่งที่ผ่านมา เนสท์เล่ ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาอาหารและเครื่องดื่มให้สามารถตอบความต้องการของผู้บริโภคทุกช่วงวัย รวมถึงใส่ใจกับเรื่องความยั่งยืน เช่น เรื่องของบรรจุภัณฑ์ที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะผลักดันประเด็นเหล่านี้ให้กับกลุ่มสตาร์ทอัพด้วย

สำหรับเนสท์เล่ มีเครือข่ายศูนย์วิจัยและพัฒนา 25 แห่ง และศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ 10 แห่งทั่วโลก และได้จัดสรรงบลงทุนกว่า 1,700 ล้านสวิสฟรังก์ (หรือประมาณ 70,000 ล้านบาท) ในแต่ละปี เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้คนในทุกช่วงวัย สตาร์ตอัพจากโครงการ SPACE-F จะช่วยเสริมจุดแข็งและช่วยให้เนสท์เล่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้บริโภคและอุตสาหกรรมอาหารได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ประเทศไทยกับความก้าวหน้าด้านสตาร์ทอัพ

สำหรับภาพรวมของสตาร์ทอัพไทยในช่วงที่ผ่านมา ต้องถือว่ามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากผลการจัดอันดับดัชนีระบบนิเวศสตาร์ทอัพ (Global Startup Ecosystem Index) โดย StartupBlink พบว่าระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไทยมีความก้าวหน้า ปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 52 ของโลก อันดับที่ 11 ของเอเชียแปซิฟิก และอันดับที่ 4 ของอาเซียน และหากเจาะลึกที่กรุงเทพฯ พบว่า ขยับขึ้นมา 25 อันดับ สู่อันดับที่ 74 ของโลก อันดับที่ 3 ในอาเซียนในฐานะหนึ่งในเมืองชั้นนำด้านระบบนิเวศของสตาร์ทอัพ

และหากวิเคราะห์ถึงสตาร์ทอัพด้านอาหาร ยิ่งเป็นโอกาสที่ดี เพราะประเทศไทยมีความโดดเด่นเรื่องอาหาร และอยู่ในระดับแนวหน้าเวทีผู้ส่งออกอาหารระดับโลกอยู่แล้ว การผลักดันให้สตาร์ทอัพด้านอาหารเป็นที่รู้จักและยอมรับมากขึ้นจึงมีความเป็นไปได้ ยิ่งได้รับการสนับสนุนจากโครงการ SPACE-F ยิ่งเพิ่มโอกาสให้มากขึ้น

 

สำรวจแนวโน้มด้านอาหารมาแรง กับโอกาสทางธุรกิจ

ในส่วนของแนวโน้มด้านอาหารที่มาแรงในปีนี้ และเป็นเป้าหมายของโครงการSPACE-Fด้วย ก็ได้แก่ การพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพ การผลิตโปรตีนทางเลือก การพัฒนากระบวนการผลิตอัจฉริยะ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน รวมถึง การพัฒนาระบบขนส่งเพื่อกระจายอาหารให้ทั่วถึงสร้างความเท่าเทียมทางอาหารให้เกิดขึ้น ทั้งหมดเป็นแนวโน้มที่มาแรงและกำลังเป็นที่ต้องการ ดังนั้นสตาร์ทอัพที่มีไอเดียความคิดสร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้อง และสามารถเปลี่ยนให้เป็นผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ

แน่นอนว่านอกจากพันธมิตรเดิมในโครงการ การได้เนสท์เล่เข้ามาเป็นพันธมิตรรายใหม่ในปีนี้ จะช่วยนำ ความเชี่ยวชาญขององค์กรมาช่วยสร้างประโยชน์ให้กับโครงการและสตาร์ทอัพทั้งจากไทยและต่างประเทศ ที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วม โดยมองว่าโครงการ SPACE-F เป็นการส่งเสริมธุรกิจเทคโนโลยีอาหาร ช่วยกันพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่เพื่อรับกับความเสี่ยง และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

 

มีไอเดียดีๆ ด้านธุรกิจเทคโนโลยีอาหาร ห้ามพลาด!

สำหรับสตาร์ทอัพที่มีไอเดียหรือมีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับธุรกิจเทคโนโลยีอาหาร โครงการ SPACE-F จะเป็นโอกาสครั้งสำคัญ ยิ่งตอนนี้ Batch 5 เปิดรับสมัครแล้วถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 เป็นช่วงเวลาที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

สำหรับที่ผ่านมาโครงการ SPACE-F มีสตาร์ทอัพทั้งในประเทศและทั่วโลกเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 60 ราย และปัจจุบันได้ระดมเงินทุนไปแล้วมากกว่า 63 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยโครงการมีเป้าหมายที่จะพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีอาหารที่สำคัญแห่งภูมิภาค และเชื่อว่าสตาร์ทอัพที่ร่วมโครงการจะเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนเป้าหมายไปสู่ความสำเร็จ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา