ทุนทั่วโลกย้ายหนีจากจีนเริ่มเห็นผลแล้ว ในช่วง 10 ปีนับจากนี้ อาเซียนจะมี ‘อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ’ แซงจีน

ในอีก 10 ปีข้างหน้า 6 ประเทศเศรษฐกิจหลักของอาเซียนอย่าง เวียดนาม-ฟิลิปปินส์-อินโด-มาเล-สิงคโปร์-ไทย จะพาให้อาเซียนมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (projected growth) แซงหน้าจีน

นี่คือรายงานของ Southeast Asia Outlook 2024-2034 ที่เผยแพร่โดย Angsana Council, บริษัทที่ปรึกษา Bain & Co. และธนาคาร DBS ของสิงคโปร์

ในรายงานระบุว่า การเติบโตของภูมิภาคนี้ จะมาจากการเติบโตของ 2 ปัจจัยหลักๆ

  • ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจภายในแต่ละประเทศ เช่น ประชากรที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างในประเทศอย่าง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
  • การที่บริษัทและทุนต่างๆ ทั่วโลกหนีออกจากจีน (กระจายการผลิตออกนอกประเทศจีน) ทำให้อาเซียนได้รับอานิสงส์ที่ดีจากการเปลี่ยนแปลงเชิงภูมิรัฐศาสตร์

ตัวเลขที่รายงานนี้อ้างอิงคือ ในช่วง 10 ปีนับจากนี้ อาเซียนจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ปีละ 5.1% ส่วนจีนจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 3.5-4.5% เท่านั้น

โดยประเทศหลักๆ ของอาเซียนที่จะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในรอบ 10 ปีนี้ ได้แก่

  • เวียดนาม 6.6%
  • ฟิลิปปินส์ 6.1%
  • อินโดนีเซีย 5.7%
  • มาเลเซีย 4.5%
  • ไทย 2.8%
  • สิงคโปร์ 2.5%

แต่พอรวมกันทั้งภูมิภาคแล้วจะอยู่ที่ 5.1%

รายงานชิ้นนี้ทำให้เราเห็นว่าอาเซียนมีศักยภาพอย่างมากในรอบ 10 ปีนับจากนี้ ทุนทั่วโลกจะเริ่มไหลเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะทุนที่เกี่ยวข้องกับการผลิต เทคโนโลยี พลังงาน เซมิคอนดักเตอร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ฯลฯ

จุดอ่อนของรายงานชิ้นนี้ที่ Brand Inside เห็นคือ มีการคาดการณ์ตัวเลข GDP แต่ไม่มีตัวเลขของ FDI ที่คาดการณ์มาให้ด้วย จึงทำให้เราอาจจะยังเห็นภาพทั้งหมดไม่ชัดนัก

แต่ที่สำคัญคือ ถ้าเราย้อนไปดูตัวเลขในปี 2023 ก็จะพบว่า ทุนจากทั่วโลกที่ลงทุนในอาเซียน แซงหน้าจีนไปแล้ว เป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ (ตัวเลข FDI ที่ทุนทั่วโลกลงในอาเซียนปี 2023 อยู่ที่ 2.6 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนในจีนมีเพียง 4.27 หมื่นล้านดอลลาร์เท่านั้น)

และอยากเสริมว่า ไม่ใช่แค่ทุนทั่วโลกที่หนีออกจากจีน แต่นักลงทุนจีนเองก็เริ่มหนีออกจากจีนแล้วเหมือนกัน เพราะต้องการหนีเรื่องภาษีที่โดนกีดกันจากชาติตะวันตก และประเด็นเรื่องความมั่นคงด้วย ข้อความนี้ Charles Ormiston ที่ปรึกษาและพาร์ทเนอร์ของ Bain & Co. เป็นคนพูดไว้

อย่างไรก็ตาม ต้องย้ำให้ชัดว่า ตัวเลขที่คาดการณ์ในรายงานชิ้นนี้ ไม่ใช่ตัวเลขผลรวมทางเศรษฐกิจ แต่เป็น ‘อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ’ เท่านั้น เพราะถ้าวัดกันที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจ จีนยังคงนำอาเซียนอยู่อย่างแน่นอน อย่างน้อยๆ ก็ 4-5 เท่าตัว

  • GDP จีนปี 2023 ประมาณ 17.5 ล้านล้านดอลลาร์
  • GDP อาเซียนปี 2023 ประมาณ 3.86 ล้านล้านดอลลาร์

และแม้รายงานนี้จะบอกว่า อาเซียนจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แซงหน้าจีนอย่างไร แต่ผลรวมทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ทั้งหมดของจีนในปี 2034 หรือ 10 ปีจากนี้ ก็จะยังคงใหญ่กว่า 6 ประเทศอาเซียนที่ว่ามานี้ถึง 5 เท่าอยู่ดี

แล้วไทยเป็นไงบ้าง?

ปัจจัยบวกของไทย

  • การท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นตัว
  • ไทยคือศูนย์กลางยานยนต์ที่สำคัญในภูมิภาค พร้อมทั้งมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี
  • กลุ่มบริษัทใหญ่ๆ ในไทยอย่าง CP, Central, PTT, Siam Cement, Thai Union มีความเป็น ‘บริษัทแห่งภูมิภาค’ มากกว่าคู่แข่งอาเซียน

ปัจจัยลบของไทย

  • การเมืองที่ผันผวนและไม่แน่นอน
  • การควบรวมกิจการในหลายอุตสาหกรรม เช่น ค้าปลีก โทรคมนาคม
  • ความท้าทายทางประชากร ไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยหนักมาก

ชวนอ่าน KKP Research: เศรษฐกิจไทยฟื้นช้า ไม่ใช่เพราะโตต่ำกว่าศักยภาพ แต่เพราะกำลังถดถอย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา