เกาหลีใต้เริ่มผ่อนคลายมาตรการ Social Distancing (การเว้นระยะห่างทางสังคม) และผ่อนปรนกฎในการ Lockdown ประเทศมากขึ้น หลายบริษัทเริ่มยกเลิกการทำงานจากบ้าน แต่บางแห่งก็ยังใช้อยู่
อาจกล่าวได้ว่า เกาหลีใต้เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ไม่ใช้มาตรการสุดโต่งอย่างที่หลายประเทศทำ จนยากจะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ในระยะเวลาอันสั้น อย่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศเคยกล่าวไว้ว่า เศรษฐกิจยังต้องพึ่งพาประเทศอื่นอยู่ การ lockdown ประเทศที่มีกิจการที่ต้องพึ่งรายได้จากต่างชาติ รายได้จากประชาชนย่อมสร้างปัญหาแน่นอน
เกาหลีใต้ได้รับความสนใจจากนานาชาติ หลังจากที่ทำให้จำนวนคนติดเชื้อค่อยๆ ลดลงแม้ไม่ได้สั่ง lockdown ประเทศอย่างเคร่งครัด แต่เน้นตรวจโรค กักกันโรคอย่างโปร่งใส
ทั้งนี้ เกาหลีใต้เริ่มมีการให้กลับมาทำงานมากขึ้น ทั้งในส่วนของห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ สนามกอล์ฟ ไปจนถึงร้านอาหาร เริ่มมีการผ่อนปรนมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมมากขึ้น บรรยากาศค่อยๆ คืนกลับสู่ภาวะปกติ บริษัทที่มีการผ่อนปรนนโยบาย Work from Home เช่น SK Innovation และ Naver คนกลับเข้าไปทำงานในออฟฟิศมากขึ้น แต่ก็มีเวลาในการทำงานที่ยืดหยุ่นขึ้น มีการจำกัดการเดินทาง และการประชุมแบบพบปะเจอหน้ากัน
โดยบริษัท SK Innovation ซึ่งเป็นบริษัทผลิตแบตเตอรี่ ระบุว่า ราว 80% ของพนักงานที่กลับมาทำงานในสัปดาห์นี้จะได้รับการตรวจอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าออฟฟิศ ด้าน Naver Corp บริษัทแม่ของ LINE ให้ข้อมูลว่า ได้ให้พนักงานเข้ามาทำงานในออฟฟิศครึ่งหนึ่ง ขณะที่พนักงานที่ Netmarble Corp ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเกมมือถือก็จะให้พนักงานเข้ามาทำงานออฟฟิศเป็นจำนวน 3 วันต่อสัปดาห์ และยังมีการติดกล้องตรวจจับอุณหภูมิในร้านอาหารให้ด้วย
การตัดสินใจผ่อนปรนนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคมนี้ ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ระมัดระวัง หลังจากที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อค่อยๆ ลดลง จนต่ำกว่า 20 คน ส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากต่างประเทศ ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมก็เริ่มกลับมาคัดกรอง ตรวจโรคทางการแพทย์มากขึ้น สำหรับผู้อาจจะติดเชื้อได้ เช่น ผู้ที่จะเดินทางหรือคนที่เดินทางเข้าประเทศ
ทั้งนี้ 20 เมษายนที่ผ่านมา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรครายงานว่ามีผู้ติดเชื้อใหม่เพียง 13 คนเท่านั้น จากนั้นก็ลดลงเหลือ 8 คน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงจนเหลือเลขตัวเดียว ขณะเดียวกันทางการแพทย์ก็จะคอยเตือนเสมอให้ระวังกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่จะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า
ส่วนสถาบันการศึกษา โรงเรียนต่างๆ ยังคงไม่มีการเรียนการสอนเช่นเดิม นักเรียนยังต้องเรียนออนไลน์ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทางการเพิ่งจะแจ้งเตือนพลเมืองประเทศตัวเองไปหลังจากที่มีชายสูงวัย อายุ 58 ปีที่อาศัยอยู่ในปูซาน เมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเกาหลีใต้ ตรวจพบเชื้อไวรัส ซึ่งเขาได้ไปเลือกตั้งมาด้วย และยังร่วมเทศกาลอีสเตอร์ในโบสถ์ และยังไปร้านอาหารขณะที่เริ่มมีอาการด้วย ขณะนี้ ประชาชนกว่า 1,000 คนได้กักกันโรคหรือได้ตรวจเช็คโรคแล้วหลังจากที่ติดต่อกับชายสูงวัยคนนั้นและลูกสาวของเขาที่เป็นพยาบาลและตรวจพบผลบวกเช่นกัน
รัฐมนตรีช่วยด้านสาธารณสุขยังยืนยันที่จะเฝ้าระมัดระวังต่อไป แม้จะมีการผ่อนปรนมาตรการดูแลโรคไปบ้าง แต่ก็ยังไม่ยกเลิกเสียทีเดียว เพื่อจะทำให้สังคมยังมีความปลอดภัยอยู่
ที่มา – World Economic Forum
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา