เรียกว่าสร้างความตื่นเต้นให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์พอสมควร เพราะอยู่ๆ Sony ก็เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นต้นแบบที่ใช้ชื่อว่า VISION-S ภายในงาน CES 2020 ดังนั้นลองมาร่วมกันหาต้นตอของเหตุการณ์กันดีกว่า
ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีข่าวกับรถยนต์ไฟฟ้า
แม้จะเป็นครั้งแรกที่ Sony มีข่าวเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ แต่ก่อนหน้านี้ Sony ก็มีข่าวหลุดที่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้ามาแล้วบ้าง โดยเฉพาะข่าวที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่ เพราะตั้งแต่ปี 2554 ตัว Sony ก็มีข่าวว่าเตรียมผลิตแบตเตอรี่แบบลิเธียมที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายให้กับค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
พร้อมตั้งเป้าทำตลาดภายภายใน 5-10 ปีข้างหน้า ซึ่งตัวแบตเตอรี่ลิเธียมของ Sony สามารถใช้ได้ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าล้วน, Plug-in Hybrid และ Hybrid ส่วนเหตุผลง่ายๆ ที่ Sony ตัดสินใจรุกตลาดก็มาจากช่วงนั้นมีคู่แข่งในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าค่อนข้างน้อย จึงยังมีโอกาสทางธุรกิจเหลืออยู่อีกมาก
ยิ่งก่อนหน้านี้ Sony มีการผลิตแบตเตอรี่แบบลิเธียมเพื่อใช้ในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ของบริษัทอยู่แล้ว เช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยเวลานั้นค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นก็ต่างมีแผนทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วน มันก็ยิ่งมีโอกาสทางธุรกิจมากขึ้นไปอีก
รถยนต์ไฟฟ้าล้วนขนาดเล็กที่ร่วมกับ Yamaha
อย่างไรก็ตามการจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าของ Sony ยังไม่ค่อยมีความคืบหน้าในหน้าข่าวจนเกือบครบ 10 แต่เมื่อปี 2562 ทาง Sony ก็ร่วมมือกับ Yamaha เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนขนาดเล็ก เน้นใช้งานเชิงพาณิชย์ เพราะมันมาพร้อมกับหน้าจอ 55 นิ้ว ความละเอียด 4K ถึง 4 ตัวด้านนอก และ 49 นิ้วด้านใน
รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นดังกล่าวชื่อว่า SC-1 Sociable Cart ใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียม รองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง และทำความเร็วสูงสุดได้ราว 20 กม./ชม. ควบคุมด้วยรีโมทได้ ส่วนความยาวของตัวรถอยู่ที่ 3.13 ม. ความกว้าง 1.29 ม. ไม่มีหน้าต่าง เพราะมีหน้าจอทั้งใน และนอกรถล้อมรอบอยู่
สิ่งที่น่าสนใจของรถยนต์รุ่นนี้คือการติดตั้งเซ็นเซอร์ และกล้องรอบคัน ทำให้มันสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง โดย Sony และ Yamaha ตั้งเป้านำรถยนต์รุ่นนี้ไปทำตลาดภายในปีปฏิทิน 2562 ไม่ขายให้กับบุคคลทั่วไป แต่จะไปให้บริการในที่ต่างๆ เช่นสนามกอล์ฟ, สวนสนุก และอื่นๆ โดยด้านนอกรถจะเปิดให้องค์กรต่างๆ มาลงโฆษณา
ใช้เทคโนโลยีด้านภาพ และความบันเทิงที่ถนัด
ถึงตอนนี้หลายคนน่าจะเห็นข่าว Sony เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต้นแบบที่ชื่อว่า VISION-S กันไปแล้ว จุดเด่นของมันมีทั้งการใช้เทคโนโลยีด้านภาพของ Sony มาประยุกต์ใช้กับเซ็นเซอร์ถึง 33 ที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์รุ่นนี้ เพื่อยกระดับการขับขี่ขึ้นไปอีกขั้น แถมยังมีตัว AI, การติดต่อสื่อสาร และเทคโนโลยีคลาวด์ที่ Sony พัฒนาขึ้นมาอีกด้วย
ด้านความบันเทิงที่ Sony ถนัดก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะมันมากับระบบ 360 Reality Audio ที่ให้ผู้โดยสารทุกที่นั่งได้ฟังเสียงที่สมจริงผ่านลำโพงที่ติดตั้งอยู่ในแต่ละเบาะ ส่วนการควบคุมต่างๆ ก็ทำได้ที่หน้าจอขนาดใหญ่ด้านหน้า ถือเป็นการยกระดับความบันเทิงในรถยนต์เช่นเดียวกัน
ส่วนคุณสมบัติของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ก็มาพร้อมกับมอเตอร์ 2 ตัว ที่ให้พละกำลังสูงสุด 536 แรงม้า ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถวิ่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. โดย Sony พัฒนารถยนต์รุ่นนี้กับ Bosch, NVIDIA, Continental, Qualcomm, Blackberry, Gentex และ HERE
สื่อสารให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์รู้ว่า Sony ก็ทำได้
สำหรับ VISION-S นั้น Sony ยังไม่บอกถึงราคา และช่วงเวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ทำให้ใครที่มีความสนใจในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้อยู่ก็คงต้องรอไปอีกสักระยะ แต่การที่ Sony ทำรถยนต์ไฟฟ้าออกมาแบบนี้ก็อาจเป็นการสื่อสารให้อุตสาหกรรมรถยนต์รู้ว่า Sony ก็ทำรถยนต์ไฟฟ้าได้
ทั้งมันยังเป็นการสื่อให้รู้ว่า ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิมต้องระวังให้ดี เพราะกว่าแบรนด์ดั้งเดิมเหล่านี้จะสร้างเนื้อสร้างตัวต้องใช้เวลาหลายสิบปี แต่ Sony อาจเข้ามารุกตลาดนี้ และครองตลาดแทนพวกเขาได้ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น โดยเฉพาะกลุ่มแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นที่ยังไม่ค่อยตื่นตัวเรื่องรถยนต์ไฟฟ้ามากนัก
ยิ่ง Sony มีประสบการณ์ในการพัฒนาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้ว มันก็ไม่ยากเกินความสามารถแน่ๆ ที่จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว และตัวข่าวก่อนหน้านี้ที่ออกมาก็เป็นเรื่องการันตีว่า Sony ค่อนข้างสนใจเรื่องนี้ และมันน่าจะเป็นการเขย่าวงการอุตสาหกรรมรถยนต์อีกครั้ง
สรุป
ต้องดูกันยาวๆ ว่า VISION-S ของ Sony จะจำหน่ายจริงๆ หรือเป็นแค่รถยนต์ต้นแบบที่เป็นต้นแบบตลอดไป แต่ส่วนตัวเชื่อว่าการที่ Sony ทำแบบนี้ อาจมีผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นเข้ามาติดต่อ หรือพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าร่วมกัน โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น เพราะน่าจะช่วยให้ทั้งคู่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมนี้
อ้างอิง // Electrek, Sony 1 2, Autoblog, The Verge
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา