Grab เป็นหนึ่งในบริษัทสตาร์ทอัพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบริษัทหนึ่งในสิงคโปร์ ด้วยมูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.4 แสนล้านบาท มีรายได้หลักจากธุรกิจ Ride-hailing หรือการเรียกยานพาหนะจากแอปพลิเคชัน
แต่ด้วยสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ที่ทำให้คนจำเป็นต้องอาศัยอยู่แต่ในบ้านมากขึ้น จนยอดการใช้บริการเดลิเวอรี่อาหารผ่านแอปพลิเคชันเพิ่มสูงขึ้นมากหลายเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ แต่ก็เทียบไม่ได้กับรายได้ที่หายไปจากบริการ Ride-hailing ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักของ Grab
ที่ผ่านมา Grab เคยได้รับเงินลงทุนจาก SoftBank บริษัทโทรคมนาคมสัญชาติญี่ปุ่นเป็นจำนวนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.81 หมื่นล้านบาท เมื่อต้นปี 2019 ที่ผ่านมา หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 SoftBank ได้เริ่มส่งสัญญาณเตือนให้ Grab เตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเป็นเวลานาน (Potentially long winter)
โดยเฉพาะการเตรียมตัวลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทให้มากขึ้น รวมถึงยังมีการแนะนำบริษัทสตาร์ทอัพอื่นๆ ที่ต้องอาศัยฐานลูกค้าเหมือน Grab ทำแบบเดียวกันด้วย
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว Anthony Tan ซึ่งเป็น CEO และผู้ก่อตั้ง Grab เล่าว่า “สถานการณ์โควิด-19 เป็นวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดที่ส่งผลต่อธุรกิจ Ride-hailing ของ Grab” จน Grab ต้องออกมาตรการเพื่อลดค่าใช้จ่ายของบริษัท
ที่มา – Techinasia, CNN, CNA
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา