SoftBank รายงานงบการเงินไตรมาสล่าสุด กำไรถือว่าเกินเป้าจากนักวิเคราะห์คาดไว้เนื่องจากกำไรจาก Vision Fund สูงกว่าคาด นอกจากนี้เขาเองยังได้ประกาศว่าปีหน้านี้กองทุนจะสามารถทำให้ SoftBank มีกำไรอย่างที่บริษัทในประเทศญี่ปุ่นไม่เคยทำได้มาก่อนอีกด้วย
SoftBank รายงานงบการเงินไตรมาสล่าสุด โดยกำไรในไตรมาสนี้อยู่ที่ 706,000 ล้านเยน หรือประมาณ 6,200 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรส่วนหนึ่งมาจาก SoftBank Vision Fund มากถึง 3,470 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนหนึ่งมาจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของ OYO Rooms สตาร์ทอัพด้านเครือข่ายโรงแรมในประเทศอินเดีย รวมไปถึงการขายหุ้นของ Flipkart ให้กับ Walmart
ปัจจุบัน Vision Fund ได้ลงทุนในสตาร์ทอัพระดับ Unicorn ไปแล้วกว่า 60 แห่ง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และกองทุนก็ยังจะคงลงทุนต่อในสตาร์ทอัพหรือบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ต่อไป
ในการรายงานผลประกอบการ Masayoshi Son ได้รับคำถามจากนักลงทุนถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกองทุน กับราชวงศ์ซาอุในกรณีของนักข่าวชาวซาอุที่หายตัวไป และคดีก็ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ซึ่ง Son ได้กล่าวว่าเขาเองได้กดดันซาอุฯในเรื่องนี้แล้ว อย่างไรก็ดีเขาก็ยังคงจะช่วยซาอุฯ ในการกระจายการลงทุนในด้านต่างๆ ของประเทศผ่านกองทุนอยู่ดี
นอกจากนี้ Son ได้โชว์วิสัยทัศน์ว่า SoftBank 2.0 จะทำให้ Vision Fund จะทำให้เห็นว่ากำไรนั้นมหาศาลอย่างที่บริษัทในประเทศญี่ปุ่นเป็นมาก่อน ซึ่งไม่เคยมีบริษัทไหนในประเทศทำได้ระดับนี้ในปีหน้า
- Walmart เตือนนักลงทุนว่าการซื้อ Flipkart กระทบกำไรบริษัท ผู้บริหารเชื่อว่ามาถูกทาง
- วิเคราะห์ ศึกเดิมพันลูกค้าหลักพันล้านคน ระหว่าง Amazon – Flipkart ในประเทศอินเดีย
- [วิเคราะห์] ซาอุ-สหรัฐ อาจสั่นคลอนหลังนักข่าวหายตัวไป กระทบถึงการลงทุน
- ต่างชาติยังสงสัยซาอุฯ ผลกระทบกับ SoftBank ถึงแม้ว่าจะมีการสอบสวนคดีนักข่าวแล้ว
ล่าสุดลงทุนใน TikTok ด้วย
Nikkei Asian Review รายงานว่า SoftBank Vision Fund ได้ตกลงในการเข้าลงทุนใน Bytedance ซึ่งเป็นเจ้าของ Application ชื่อดังอย่าง TikTok ด้วย แต่ตัวแทนของ SoftBank ไม่ได้กล่าวถึงมูลค่าในการลงทุน โดยการระดมทุนรอบใหม่มูลค่าสูงถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ Bytedance กลายเป็นสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงสุดของโลกทันที ด้วยมูลค่า 75,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ปัจจุบัน TikTok มีผู้ใช้กว่า 500 ล้านรายอยู่ทั่วโลก นอกจากนี้ยังเป็น Application ที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดมากกว่า Facebook ภายในครึ่งปีแรกของปีนี้ด้วยซ้ำ
ที่มา – Nikkei Asian Review, Bloomberg, Economic Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา