มีข่าวมาสักพักแล้วว่าหลังการปรับบอร์ดของ Uber ใหม่ จะมีการรับเงินลงทุนจาก SoftBank หรือไม่? ตอนนี้สรุปมาแล้วว่า Uber ตกลงว่าจะรับดีลใหญ่ที่อาจมีมูลค่าสูงถึงกว่า 3.3 แสนล้านบาท
อาจเป็นดีลครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์!
ได้รับการยืนแล้วว่า กลุ่มนักลงทุนจาก SoftBank และ Dragoneer จะทุ่มเงินลงทุนใน Uber เป็นจำนวนเงินกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญ หรือประมาณ 3.3 แสนล้านบาท ถือเป็นดีลที่ใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ (ทั้งนี้ในขั้นแรกกลุ่มนักลงทุนจะลงทุน 1 – 1.25 พันล้านเหรียญก่อน) หลังจากนั้นจะซื้อหุ้นเพิ่มจากผู้ถือหุ้นเดิมและพนักงานในบริษัท
TechCrunch บอกว่า หากสำเร็จ (ซึ่งตอนนี้มีการตกลงกันแล้ว) ดีลนี้จะเป็นดีลใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก อย่างไรก็ตาม ดีลนี้จะสำเร็จก็ต่อเมื่อผู้ถือหุ้นเดิมและพนักงานยอมขายหุ้นให้กับกลุ่มนักลงทุน
- นั่นหมายความว่า ดีลนี้จะทำให้กลุ่มนักลงทุนจาก SoftBank และ Dragoneer จะเข้าไปถือหุ้นใน Uber กว่า 14% (อาจสูงถึง 17%)
ในแถลงการณ์ของ Uber ที่ไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก ระบุว่า “เราได้ทำสัญญากับกลุ่มผู้ลงทุนที่นำโดย SoftBank และ Dragoneer เราเชื่อว่าการลงทุนนี้เป็นเพราะนักลงทุนต่างมองเห็นศักยภาพของ Uber ในระยะยาว ซึ่งการลงทุนนี้จะมาเพิ่มเติมในด้านเทคโนโลยี และรวมถึงการขยายบริการของบริษัทออกไปภายนอกและภายในประเทศ (สหรัฐอเมริกา) ซึ่งจะทำให้กิจการของเราเข้มแข็งมากขึ้น”
- ดีลนี้จะเริ่มเปิดดำเนินการในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ และจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 20 วันหลังจากนั้นเพื่อให้ดีลเสร็จสิ้น
- ดูจากท่าทีแล้ว ดีลน่าจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เพราะทางผู้ถือหุ้นเดิมมีท่าทีว่าจะขาย ส่วนด้านพนักงานก็มีสิทธิ์ในการขายหุ้นเช่นกัน (ก่อนหน้านี้พนักงานไม่มีสิทธิ์ลักษณะนี้มาก่อน นี่เป็นโอกาสอันดี หากต้องการจะขาย)
แต่ถึงอย่างนั้น ดีลนี้ก็เป็นการวัดใจพนักงานของ Uber เหมือนกัน เพราะ Uber ประกาศแผนไว้สักพักแล้วว่าจะเข้า IPO ในปี 2019 เพราะฉะนั้น ถ้าจะขายก็ต้องตัดสินใจกันอย่างรอบคอบ
คงต้องติดตามกันต่อ เพราะอย่างที่รู้ว่า SoftBank ได้เข้าถือหุ้นในสตาร์ทอัพแชร์รถร่วมโดยสารหลายรายในโลก เช่น Grab จากสิงคโปร์, Ola จากอินเดีย และ Didi จากจีน ส่วนดีลล่าสุดคือ Uber จากสหรัฐอเมริกาถือเป็นดีลใหญ่สุด เพราะมูลค่ารวมของ Uber ตอนนี้สูงถึง 6.8 หมื่นล้านเหรียญ เป็นสตาร์ทอัพยูนิคอร์นที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อ้างอิง – techcrunch, Reuters
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา