เทรนด์ทำฟาร์มแนวตั้งในร่มมาแรง! SoftBank ทุ่ม 200 ล้านเหรียญ ลงทุนในสตาร์ทอัพ Plenty

นับวันการเกษตรในโลกจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะการปลูกพืชแบบใหม่ คือทำในร่มและปลูกแนวตั้ง ผสมกับใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทั้งควบคุมแสง วัดค่าความชื้น แถมใช้น้ำน้อยมาก แต่ได้ผลผลิตมากกว่าเดิม นักลงทุนรายใหญ่อย่าง SoftBank มองเห็นแล้ว เลยลงทุนเริ่มต้นไปที่ 200 ล้านเหรียญกับสตาร์ทอัพที่ทำเรื่องนี้

Photo: courtesy Plenty

ปลูกพืชแบบใหม่ ต้องใช้ IT มหาเศรษฐีมองเห็นแล้ว

Masayoshi Son แห่ง SoftBank นำเงินจำนวน 200 ล้านเหรียญไปลงทุนในสตาร์ทอัพ Plenty ที่ทำฟาร์มแนวตั้งปลูกพืชในร่ม ถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของมหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นรายนี้เช่นกัน แต่ด้วยความเชื่อมั่น Son บอกว่า “ผมเชื่อว่าทีม Plenty จะสร้างระบบผลิตอาหารเพื่อปรับปรุงชีวิตคุณภาพของผู้คนได้”

จุดเด่นของสตาร์ทอัพ Plenty คือการปลูกพืชในที่ร่มแบบแนวตั้ง ทำให้สามารถควบคุมปัจจัยแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ดีกว่าการปลูกพืชแบบเดิมในที่โล่งแจ้ง หัวหน้าผู้บริหาร Matt Barnard ถึงกับเรียกการปลูกพืชแบบนี้ว่า “Super Organics” เพราะการปลูกพืชแบบใหม่นี้ไปไกลกว่าแค่เรื่อง “Organics” อย่างที่รู้จักกัน เพราะการปลูกแบบใหม่นี้ไม่มีสารจำกัดศัตรูพืชหรือสารเคมีเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนการปลูกใดๆ เลย

จุดเด่นอีกอย่างที่จะเบียดคู่แข่งในการปลูกพืชแบบเดิมๆ อย่างขาดลอยคือ การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อควบคุมแสง อากาศและตรวจวัดความชื้นในขณะที่พืชกำลังเติบโตแบบเรียลไทม์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Plenty ระบุว่า “สามารถให้ผลผลิตทางการเกษตรได้มากกว่าการปลูกแบบเดิมถึง 350 เท่า และใช้น้ำเพียง 1% เท่านั้นในการปลูก

Photo: courtesy Plenty

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฟาร์มของ Plenty จะปลูกผัก/ผลไม้ได้หลากหลายมาก แต่ข้อจำกัดคือ ไม่สามารถปลูกผลไม้ยืนต้นหรือพืชผักที่มีหัวได้ เช่น มันเทศ ขิง ข่า แครอท หัวไชเท้า ฯลฯ มากกว่านั้น ศาสตราจารย์ Dickson Despommier ผู้เขียน The Vertical Farm: Feeding the World in the 21th Century เคยกล่าวไว้ว่า “การทำฟาร์มในร่มจะไม่สามารถมาแทนที่การเกษตรแบบดั้งเดิมได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่จะช่วยเสริมการเติบโตของผลผลิตบางชนิดได้เท่านั้น”

แต่ Son ค่อนข้างมั่นใจใน Plenty อย่างมาก ตอนนี้กำลังคิดค้นหาวิธีที่จะทำอย่างไรให้สตาร์ทอัพตัวนี้ไปไกลถึงขั้นที่มารองรับเรื่องอาหารของประชากรในอนาคตได้ สำหรับการลงทุน 200 ล้านเหรียญครั้งนี้จะทำให้ Plenty ขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนถึงสามารถตั้งฟาร์มนอกประเทศได้ เพราะตอนนี้ยังมีแค่ 2 ที่ในสหรัฐอเมริกา โดยฐานหลักอยู่ที่ทางใต้ของซานฟรานซิสโก และมีอีกที่คือในรัฐไวโอมิ่ง

ลองไปชมเว็บไซต์ของสตาร์ทอัพรายนี้กันได้ที่นี่

ที่มา – techcrunch, Bloomberg

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา