Carro สตาร์ทอัพสัญชาติสิงคโปร์ ผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสรถยนต์ ได้รับเงินระดมทุนล่าสุดจาก SoftBank เกินหมื่นล้านบาท ดันเป็นยูนิคอร์นรายล่าสุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มุ่งผลักดันส่วนแบ่งตลาดและพัฒนาเทคโนโลยี
ในการระดมทุนครั้งล่าสุดจาก SoftBank บริษัท Carro ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านรถยนต์แบบครบวงจรออนไลน์จากสิงคโปร์ ได้รับเงินไปกว่า 360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท) ดันมูลค่าบริษัทขึ้นแท่นยูนิคอร์นรายล่าสุดในภูมิภาค SEA และเป็นยูนิคอร์นรายแรกที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ในภูมิภาคนี้
การลงทุนครั้งนี้จะนำไปใช้ในการขยายรากฐานธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และ ไทย ซึ่งให้บริการอยู่แล้วและเล็งเห็นว่ามีการเติบโตที่รวดเร็วในปีที่ผ่านมา
อีกทั้งยังนำไปพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่จะช่วยให้ธุรกรรมบนแพลตฟอร์มเร็วขึ้นอีกด้วย เช่น การสแกนรูปภาพรถยนต์เพื่อหาจุดที่ต้องซ่อมให้เร็วขึ้น และช่วยให้ช่างซ่อมผิดหรือมองพลาดน้อยลง
Aaron Tan ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหาร Carro ให้ข้อมูลว่ามีโอกาสนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ภายใน 18-24 เดือนข้างหน้าสูง และมองว่า “เรามองว่าการจดทะเบียนที่สหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) หรือไม่ก็ตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ดูน่าสนใจที่สุด”
เกี่ยวกับ Carro
Carro ก่อตั้งในปี 2015 โดยเป็นแพลตฟอร์มซื้อ-ขาย ให้เช่า รถมือหนึ่งและมือสองออนไลน์ รวมถึงประกันรถยนต์ บริการไฟแนนซ์ และการซ่อมบำรุงอีกด้วย
ตั้งแต่ปี 2016 ถึงปี 2019 บริษัทเติบโตถึง 422% มีรายได้ในปี 2019 อยู่ที่ 86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.7 พันล้านบาท) โดยปัจจุบันมีกำไรติดต่อกันเป็นปีที่สองแล้ว
SoftBank เริ่มลงทุนใน Carro มาตั้งแต่ปี 2016 ใน SoftBank Ventures Asia การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการระดมทุนในซีรีส์ SoftBank Vision Fund II ซึ่งลงทุนในสตาร์ทอัพอื่นๆ อีกหลายบริษัท
ยูนิคอร์นรายอื่นที่เตรียม IPO แล้ว
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมียูนิคอร์นอีกหลายรายที่กำลังเตรียม IPO ในหลายตลาด ไม่ว่าจะเป็น Grab หรือ Gojek
- Grab เตรียม IPO เข้าตลาดหุ้นที่สหรัฐอเมริกาภายในปี 2021 นี้ คาดระดมทุนได้มากถึง 60,000 ล้านบาท
- Gojek เจรจาขั้นสุดท้ายเรื่องควบรวมกิจการกับ Tokopedia แล้ว คาดมูลค่าบริษัทช่วง IPO อาจสูงถึง 1.2 ล้านล้านบาท
สรุป
การลงทุนครั้งนี้ของ SoftBank ชี้ให้เห็นว่าตลาดรถยนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของโลก กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใหม่เพราะยุคดิจิทัลเช่นเดียวกัน
ที่มา – Asia Nikkei, CNBC, Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา