ส่องแผน ศรีนานาพร ที่ขี่คลื่นกระแสรักสุขภาพ เพิ่มความแข็งแกร่งธุรกิจมากกว่าขนม และเยลลี่

หนึ่งในยักษ์ใหญ่ธุรกิจเยลลี่ และขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยต้องมีชื่อ บมจ. ศรีนานพร มาร์เก็ตติ้ง หรือ SNNP ติดอยู่แน่นอน เพราะด้วยการก่อตั้งมานานมากกว่า 30 ปี มีขนมที่เป็นที่รู้จักอย่างเยลลี่เจเล่ และปลาหมึกเบนโตะ แถมยังพลิกจากธุรกิจครอบครัวสู่องค์กรมหาชนที่ใช้ผู้บริหารมืออาชีพในการขับเคลื่อนธุรกิจ

หลังจากนี้ SNNP เตรียมก้าวขึ้นไปอีกขั้นด้วยการขี่คลื่นกระแสรักสุขภาพผ่านการบุกตลาดอาหารเสริมมูลค่ากว่า 80,000 ล้านบาท โดยมีแบรนด์เยลลี่เจเล่เป็นหัวหอก ซึ่งแม้ตลาดนี้จะมีเจ้าถิ่นอยู่แล้ว แต่ด้วยประสบการณ์ และนวัตกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์ของ SNNP น่าจะช่วยให้สู้ในตลาดนี้ได้อย่างสูสี

เพื่อฉายภาพให้เห็นถึงการบุกน่านน้ำใหม่ของ SNNP รวมถึงกลยุทธ์ในการทำธุรกิจในปี 2024 ของ SNNP ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน Brand Inside มีโอกาสพูดคุยกับ วิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ ของ SNNP ดังนี้

SNNP
เจเล่ ฟิตต์

จากนี้ไปต้องอร่อย และมีประโยชน์

รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บมจ. ศรีนานพร มาร์เก็ตติ้ง หรือ SNNP เล่าให้ฟังว่า หลังจากเข้ามาร่วมงานกับบริษัทเมื่อ 5 ปี ก่อน ทางครอบครัวของผู้ก่อตั้งบริษัทค่อนข้างให้เกียรติ และให้อิสระในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่นอกจากการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มสินค้าเจเล่ กับเบนโตะ

“หลังจากนี้เราจะบุกตลาดสุขภาพมากขึ้น ผ่านการอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการผลิตขนมที่มีรสชาติอร่อย ผสานกับการทำการสำรวจ และเครือข่ายช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่ง เพื่อทำตลาดสินค้ากลุ่มสุขภาพ หรือ เจเล่ฟิตต์ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกกลุ่มอายุที่ต้องการมีสุขภาพที่ดีขึ้น”

การเจาะตลาดอาหารเสริม SNNP อ้างอิงจากตัวเลขมูลค่าตลาดนี้กว่า 80,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะประชากรในกลุ่มผู้สูงอายุต่างต้องดูแลตัวเองมากกว่าเดิม เช่นเดียวกับกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงานที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ SNNP พลาดไม่ได้

SNNP

ร่างกายไม่เหมือนกัน จึงต้องทำหลายสูตร

ทั้งนี้ SNNP ทำตลาด เจเล่ฟิตต์ เยลลี่เพื่อสุขภาพ ด้วยการแบ่งออกมาเป็น 3 สูตรประกอบด้วย ฟิตต์ 20 สำหรับวัย 20-29 ปี, ฟิตต์ 30 สำหรับวัย 30-39 ปี และ ฟิตต์ 40 สำหรับวัย 40-49 ปี ผ่านการใส่สารอาหารที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย พร้อมคุมราคาขาย 15 บาท/ซอง ต่ำกว่าในตลาดที่บางรายจำหน่าย 50-60 บาท/ซอง

“เราค่อนข้างตั้งความหวังไว้เยอะ และอยากเป็นผู้สร้างความแตกต่างให้กับตลาด ซึ่งหลังจากทำตลาดมาระยะหนึ่งพบว่า สินค้าค่อนข้างเป็นที่ต้องการ และได้รับการสั่งซื้อซ้ำจากคู่ค้าค่อนข้างสูง นอกจากนี้เรายังวางตำแหน่งสินค้าอยู่ในกลุ่มพรีเมียมแมสที่กลุ่มผู้ซื้อกล้าที่จะทดลอง มีกำลังซื้อ และยินดีซื้อซ้ำหากสินค้านั้นดี”

ทั้งนี้ เจเล่ฟิตต์ จะจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นในช่วง 6 เดือนแรกตั้งแต่เปิดตัวเมื่อช่วงเดือน ก.พ. 2024 ก่อนจะขยายไปในช่องทางจำหน่ายอื่น ๆ ถือเป็นการต่อยอดจากการบุกตลาดน้ำวิตามินที่เป็นสินค้ากึ่งสุขภาพเช่นกัน แต่ด้วยการแข่งที่สูง และกระแสที่เริ่มตกลง จึงยุติการทำตลาดสินค้าดังกล่าวออกไปก่อน

SNNP

สินค้าเราออกรสชาติใหม่ทุก 1 ปี

นอกจากการทำตลาดสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ วิโรจน์ ยังเล่าต่อว่า SNNP มีการเปิดตัวสินค้ารสชาติใหม่ของแบรนด์ต่าง ๆ อย่างน้อย 1 รสชาติ/ปี และหากรสชาตินั้นทำตลาดได้ดี ก็จะนำรสชาติที่ทำตลาดได้ไม่ดีเท่าที่ควรออกไป ถือเป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้า ไม่เกิดความรู้สึกจำเจของผู้ซื้อ

“ปกติแล้วสินค้าของ SNNP แทบจะกินตลาดกันเอง ผ่านการมีหลายขนาดบรรจุภัณฑ์ และกลุ่มรสชาติที่ใกล้เคียงกัน แต่หากมันกินกันเองแล้วทำให้ยอดขายเติบโตผมก็โอเค เพราะเท่ากับว่าเรามีการพัฒนานวัตกรรมให้กับสินค้าตลอดเวลา และผู้บริโภคก็ยังยินดีที่จะซื้อสินค้ารสชาติใหม่ ๆ ของเราตลอด”

แม้แนวทางดังกล่าวจะค่อนข้างสวนทางกับทิศทางเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่จนผู้บริโภคไม่จับจ่ายเหมือนในอดีต แต่ SNNP มีหลากหลายกลยุทธ์ที่รับมือกับพฤติกรรมดังกล่าวได้ ไม่ว่าจะเป็น การคงราคาเริ่มต้นของสินค้าไว้ที่ 5 บาท รวมถึงการช่วยคู่ค้าผ่านการทำชุดสินค้าที่สามารถจำหน่ายได้มีกำไรมากกว่าเดิม

SNNP

เจาะตัวเลขในทุกมิติของ SNNP

สิ้นปี 2023 SNNP ทำรายได้จากการขายสูงเป็นสถิติใหม่ที่ 6,016 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับปี 2022 รวมถึงกำไรสุทธิสูงเป็นสถิติใหม่ที่ 636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% โดยรายได้จากการขายมาจากกลุ่มขนมขบเคี้ยว 3,403 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% กับกลุ่มเครื่องดื่ม 2,613 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%

เป็นการจำหน่ายในประเทศ 4,392 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% และต่างประเทศ 1,624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% โดยสินค้า เจเล่ บิวตี้ ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ที่สัดส่วน 78% เติบโต 21% เหนือตลาดเยลลี่ที่เติบโต 20% กับ เบนโตะ ที่เป็นเบอร์ 1 ของตลาดปลาหมึกอบด้วยส่วนแบ่ง 72.4% เติบโต 5%

ปัจจุบันนอกจากมีโรงงานที่ประเทศไทย SNNP ยังมีโรงงานที่ประเทศเวียดนามที่ได้รับการสนับสนุนการลงทุนในแง่มุมต่าง ๆ โดยในตลาดต่างประเทศ ที่เกาหลีใต้มียอดขายเติบโต 55% จากปีก่อน เช่นเดียวกับจีนที่เติบโต 171% จากปีก่อน และยังมีฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่กำลังมีโอกาสเติบโตเพิ่มเติม

SNNP

เดินแผนรักษ์โลกรับกระแส ESG

วิโรจน์ เสริมว่า แม้บริษัทจะยังใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก และซองฟอยล์ในสินค้าต่าง ๆ ของบริษัท แต่เริ่มมีการเดินหน้าแผนรักษ์โลกด้วยการทำบรรจุภัณฑ์ให้พอดีกับสินค้ามากขึ้นผ่านการลดขนาดของซองฟอยล์ต่าง ๆ แต่ด้วยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้นราคาค่อนข้างสูง จึงต้องนำมาประเมินในเรื่องต้นทุนเช่นกัน

“นอกจากการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เรายังมีแผนการนำพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ และเพิ่มการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีการลงทุนในเรื่อง ESG ทุกแง่มุม เพื่อทำให้การดำเนินธุรกิจสามารถเติบโตควบคู่ไปกับการมีธรรมาภิบาลได้จริง”

ปัจจุบัน SNNP ใช้งบประมาณเกี่ยวกับการตลาด 3% ของยอดขาย และมีการลงทุนกับเรื่อง ESG อย่างต่อเนื่อง โดยภายใน 5 ปี บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการขายไปที่ 12,000 ล้านบาท และต้องมีสัดส่วนจากประเทศไทย 40% ที่เหลือมาจากต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความยั่งยืนให้กับธุรกิจมากขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา