ภาพรวมกลุ่มสินค้าสมาร์ตโฟนในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างมีการเปลี่ยนแปลงที่น้อยมากในแง่ของฮาร์ดแวร์ อาจเพราะจุดที่ใกล้จะถึงขีดจำกัดของเทคโนโลยี ทำให้หลากหลายแบรนด์เลือกใช้ซอฟต์แวร์มาสู้กัน โดยเฉพาะกับเทคโนโลยี AI ที่เห็นการสื่อสารการตลาดในแง่มุมนี้อย่างต่อเนื่อง
หรือเต็มที่คือการเพิ่มรูปแบบการใช้งานใหม่ ๆ เช่น การทำตลาดสมาร์ตโฟนพับได้ ซึ่งยังเป็นตลาดที่ยังไม่ใหญ่มาก ดังนั้นถึงจะไม่มีฮาร์ดแวร์อะไรใหม่ แต่การเร่งสื่อสารเรื่องซอฟต์แวร์ก็เพียงพอที่จะทำให้ภาพรวมตลาดสมาร์ตโฟนในไทยเติบโตได้ เมื่อประกอบกับปัจจัยบวกเรื่องนโยบายรัฐบาล และบริการทางการเงินที่หลากหลายก็ส่งผลดีขึ้นไปอีก
ลองมาฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในตลาดสมาร์ตโฟน ทั้งผู้จัดงาน Thailand Mobile Expo, แบรนด์โทรศัพท์มือถือ รวมถึงค้าปลีกถึงภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือในปี 2025 ที่แม้จะมีข่าวร้ายเกี่ยวกับการฝังแอปพลิเคชันกู้เงินช่วงต้นปี แต่ตลาดนี้ก็ยังมีโอกาสเติบโตในอนาคต
ยอดขายภายในงานเติบโตเพราะมือถือแพงขึ้น
โอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอ็ม วิชั่น ผู้จัดงาน Thailand Mobile Expo เล่าให้ฟังว่า ภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือในปี 2025 ยังมีโอกาสเติบโตสูง หลังจากนิ่งมาระยะหนึ่ง โดยเฉพาะภายในงานครั้งแรกของปีนี้ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ม.ค. – 2 ก.พ. 2025 จะมีเงินสะพัดเพิ่มขึ้น 10%
“ระยะหลังเงินสะพัดภายในงาน Thailand Mobile Expo จะอยู่ราว 1,500 ล้านบาท แทบไม่มีการเติบโตในงานแต่ละครั้ง และตัวงานขับเคลื่อนโดยสมาร์ตโฟนรุ่นท็อปเป็นหลัก แต่งานครั้งแรกของปี 2025 จะกลับมาเติบโต 10% โดยมีปัจจัยหลักมาจากราคามือถือที่แพงขึ้นกว่าเดิมราว 10%”
ปัจจุบันสมาร์ตโฟนแบรนด์ต่าง ๆ มีการปรับราคาขึ้นเล็กน้อย ราคาเฉลี่ยของการซื้อโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยสูงขึ้น ซึ่งไม่ใช่ผู้บริโภคซื้อรุ่นสูงขึ้น และยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีก เช่น การผ่อนที่ยาวขึ้น รวมถึงการจัดงานตรงกับช่วงตรุษจีน และอยู่ในมาตรการ Easy E-Reciept ทำให้งานครั้งแรกของปีจะมีเงินสะพัดราว 1,600-1,700 ล้านบาท
AI อาจไม่ใช่ตัวแปรหลัก ข่าวร้ายเดี๋ยวก็หาย
อย่างไรก็ตามการที่แบรนด์โทรศัพท์มือถือมีการทำตลาดโดยสื่อเรื่อง AI อาจไม่ใช่วิธีที่จูงใจได้มากขนาดนั้น เนื่องจากผู้บริโภคในปัจจุบันมีความเข้าใจเรื่อง AI มากขึ้น และมีการใช้งาน AI จากแอปพลิเคชัน หรือบริการฟรีต่าง ๆ ที่สามารถหาใช้ได้หลากหลายช่องทาง
ส่วนในกรณีของ OPPO และ Realme ที่มีการฝังแอปพลิเคชันสินเชื่อมาจากโรงงาน เรื่องดังกล่าวไม่มีผลกับการจำหน่ายสมาร์ตโฟนภายในงาน Thailand Mobile Expo เนื่องจากตัวงานเน้นขายสินค้าของ Apple และ Samsung เป็นหลัก
“OPPO และ Realme ไม่ได้มาออกบูทกับเราตรง ๆ หลายปีแล้ว โดยการมานั้นจะมาในรูปแบบร่วมมือกับดีลเลอร์ และสนับสนุนเรื่องของพรีเมียมเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งส่วนตัวมองว่า OPPO และ Realme อาจต้องรอให้แบรนด์ฟื้นกลับมาประมาณ 2-3 เดือน ถึงจะฟื้นความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคได้”
มีการกระตุ้น แต่คนยังไม่สนใจมากนัก
Brand Inside ได้ทำการสำรวจตัวงาน Thailand Mobile Expo ครั้งแรกของปี 2025 พบว่า OPPO และ Realme ยังมีพนักงานขายของดีลเลอร์ต่าง ๆ มากระตุ้นการขายหลายพื้นที่ในงาน แต่เมื่อเทียบกับการที่ผู้ซื้อให้ความสนใจ สองแบรนด์นี้จะถูกสนใจน้อยกว่าแบรนด์อย่าง Apple และ Samsung รวมถึงแบรนด์จีนอื่น ๆ
นอกจากนี้ภายในงานยังมีการลดราคาอุปกรณ์เสริม รวมถึงสมาร์ตโฟนรุ่นเก่าจำนวนมาก ถือเป็นการช่วยกระตุ้นตลาด และจูงใจให้เกิดเงินสะพัดภายในงาน โดยค้าปลีกโทรศัพท์มือถือที่เข้ามาร่วมงานมีทั้ง Jaymart และ TGFone ส่วนฝั่งโอเปอเรเตอร์มีเพียง AIS และฝั่งค้าปลีกสินค้าไอทีมีเพียง Com7 และ Advice
จุดที่น่าสนใจคือ การผ่อนโทรศัพท์มือถือที่ทำได้นานถึง 36 เดือน ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการขึ้นราคาของแบรนด์ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือที่ประกาศขึ้นราคาได้เป็นอย่างดี เพราะผู้บริโภคสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เมื่อประกอบกับปัจจัยบวกเรื่องมาตรการของรัฐต่าง ๆ ทำให้การซื้อแบบผ่อนยาวจะช่วยกระตุ้นตลาดหลังจากนี้เช่นกัน
ตลาดมือถือยังแข่งขันอย่างดุเดือด
ก่อนหน้านี้ ชอว์น เผย ผู้จัดการประจำประเทศไทย ZTE Device เล่าให้ฟังว่า แม้ตลาดสมาร์ตโฟนจะยังไม่เติบโตนัก แต่การแข่งขันในตลาดนี้ยังดุเดือด ผ่านแบรนด์ต่าง ๆ ที่ยังทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2025 จะมียอดขายทั้งตลาดรวมราว 2 แสนเครื่อง/เดือน
“ตลาดสมาร์ตโฟนไทยแบ่งเป็นกลุ่มรุ่นเริ่มต้นราว 30% ของตลาด หรือ 2 แสนเครื่อง/เดือน ไม่เติบโตนัก แต่ยังมีกำลังซื้อโดยตลอด เพราะมีนโยบายรัฐบาลช่วยกระตุ้น ทั้งการสมัครรับสวัสดิการต่าง ๆ รวมถึงการลดหย่อนภาษีเช่นเดียวกัน”
ด้านฝั่งค้าปลีกไอที และโทรศัพท์มือถือ ต่างมีการร่วมโปรโมชันกับบริการทางการเงินต่าง ๆ เพื่อทำให้การตัดสินใจซื้อโทรศัพท์มือถือของผู้บริโภคทำได้ง่ายขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2025 เช่น Advice ที่จูงใจด้วยวิธีดังกล่าวเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่ในปี 2023 มีสัดส่วนเพียง 5% ของรายได้รวมกว่าหมื่นล้านบาท เป็นต้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา