แม้ 2-3 ปีที่ผ่านมากระแส K-Pop อาจซาๆ ลงบ้าง แต่นับจากปีนี้ไปมันอาจไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว หลังค่ายดัง SM, JYP และ YG เริ่มจับทางตลาดได้ ส่งผลให้เกือบทุกรายทำรายได้ในไตรมาส 2 ได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
JYP-SM ดูดีขึ้น ส่วน YG ก็ไล่มาติดๆ
เริ่มกันที่ JYP Entertainment ก่อน โดยทางค่ายรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ออกมาว่ามียอดขายกว่า 31,000 ล้านวอน (ราว 920 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 10.6% จากปีก่อน และมีผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 9,100 ล้านวอน (ราว 270 ล้านวอน) เพิ่มขึ้น 30.9% ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ถึง 20%
เหตุผลที่ทำให้ยอดขาย และกำไรเพิ่มขึ้นหลักๆ มาจากความนิยมของวง Twice ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ประกอบกับความสำเร็จในการทัวร์เอเชียของพวกเธอ และหากทางค่ายยังสามารถรักษาความนิยมอย่างนี้ได้อีก ก็มีโอกาสที่ยอดขายจะเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ในเดือนก.ย. 2561 ทางค่ายก็เตรียมเปิดตัววง Boy Story ในประเทศจีนด้วย
ส่วน SM Entertainment ก็มียอดขายในไตรมาส 2 ที่เติบโตเช่นกัน คิดเป็นมูลค่า 1.24 แสนล้านวอน (ราว 3,700 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 83.8% จากปีก่อน และผลกำไรจากการดำเนินงานได้ 10,000 ล้านวอน (ราว 300 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 626.2% ถือว่าเติบโตเกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้มาก
“การทำกิจกรรมของศิลปินในค่าย SM นั้นมีอย่างต่อเนื่องทั้งใน และต่างประเทศ โดยเฉพาะยอดขายในต่างประเทศนั้นเพิ่มขึ้นถึง 82.4% ดังนั้นการเดินหน้าส่งอัลบั้มใหม่ของ EXO กับ Red Velvet รวมถึงการทัวร์ในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการปล่อยวง NCT ในประเทศจีน ก็คงทำให้การเติบโตยังมีอยู่ในปีนี้” นักวิเคราะห์คาดการณ์
ในทางกลับกัน YG Entertainment กลับมีผลประกอบการที่ไม่ค่อยดีนัก โดยกำไรจากการดำเนินงานลดลง 68% เหลือ 1,400 ล้านวอน แต่ทั้งนักวิเคราะห์ และนักลงทุนก็คาดากรณ์ไว้อย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะตัวทำเงินอย่างวง Big Bang ต้องพักงานชั่วคราว หลังสมาชิกบางคนต้องไปเกณฑ์ทหาร
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Black Pink จะเป็นวงที่ช่วยให้รายได้ของ YG กลับมาเติบโตในปีนี้หากทางวงทำกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าในไตรมาสที่ 3 ค่ายเพลงดังกล่าวน่าจะมียอดขาย 17,000 ล้านวอน (ราว 500 ล้านบาท)
สรุป
การทำตลาดของ K-Pop อาจกลับมาดีขึ้นอีกครั้งก็เป็นได้ หลังค่ายเพลงต่างๆ เริ่มเน้นทำตลาดในต่างประเทศมากขึ้น และจริงจังกับการทำเพลงออกมาเพื่อตอบโจทย์ตลาดต่างๆ สังเกตจากการทัวร์เอเชียของหลายๆ วงที่มีมากกว่าเดิม รวมถึงการเจาะตลาดจีนด้วยการเปิดวงใหม่เพื่อทำตลาดที่นั่นโดยเฉพาะ
อ้างอิง // The Investor
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา