ในช่วงเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของคนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แน่นอนว่าส่งผลต่อการตลาดของสินค้าทุกชนิดที่ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ตามไปด้วยในช่วงนี้
เพราะคนส่วนใหญ่ระมัดระวังการใช้ชีวิตมากขึ้น ทำตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อยู่แต่ในบ้านมากขึ้น รับสื่อที่มีความน่าเชื่อถือ ทั้งจากทีวี และอินเตอร์เน็ต รวมถึงทำกิจกรรมที่สร้างความบันเทิง เช่น เล่นเกม ดูภาพยนตร์ และซีรี่ย์ เผื่อผ่อนคลายความเครียดจากสถานการณ์
การอยู่แต่ในบ้าน งดการเดินทาง ทำให้เกิดพฤติกรรมใหม่ๆ ในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จากเดิมที่ต้องเดินทางไปซื้อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เปลี่ยนเป็นการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ หลีกเลี่ยงการใช้เงินสด เพราะกลัวจะสัมผัสกับเชื้อโรคที่อาจสะสมอยู่บนธนบัตร พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปมากยิ่งทำให้นักการตลาด และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต้องรู้จักวิธีที่จะใช้เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับสินค้าของตัวเองในช่วงนี้
ใช้ใจ และมีความโปร่งใสในการนำเสนอ
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความวิกฤต ธรรมชาติของจิตใจคนย่อมมีความเปราะบางในช่วงเวลานี้ ดังนั้นแบรนด์ต่างๆ ควรแสดงความเห็นใจ เข้าใจช่วงเวลาที่ยากลำบากของลูกค้า จะเห็นว่าหลายๆ แบรนด์เริ่มประกาศให้บริการ หรือแจกสินค้าของตนเองแบบฟรีๆ สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์
สินค้าแต่ละยี่ห้อที่มีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยต้องใช้ความระมัดระวังในการทำการตลาด เพราะหากลูกค้าไม่พอใจ ลูกค้าจะเปลี่ยนไปใช้สินค้าของคู่แข่งได้ง่ายกว่าปกติ ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงไม่ใช่เวลาที่จะทำการตลาดในเชิงพาณิชย์เพื่อหากำไร แต่เป็นช่วงเวลาที่ต้องทำเพื่อลูกค้า ใช้ใจในการนำเสนอ และทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าทำออกมาจากใจจริงๆ
ใช้สื่อให้เร็ว และใช้ให้เหมาะสม
ในช่วงเวลานี้การสื่อสารการตลาดไปยังลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นบริษัทจึงต้องทำงานอย่างรวดเร็วมากขึ้นเพื่อสนองความต้องการให้ลูกค้า ซึ่งบริษัทอาจต้องเปลี่ยนวิธีการทำงาน ติดต่อกับเอเจนซี่ หรือบริษัทที่ร่วมกันทำงานให้มากขึ้น ซึ่งในช่วงเวลาก่อนหน้านี้หลายๆ บริษัทได้ตอบรับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) หรือการอยู่แต่ในบ้าน ด้วยการปรับเปลี่ยนโลโก้ของบริษัทตัวเอง
นอกจากนี้การเลือกลงโฆษณาในช่องทางต่างๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน ในช่วงนี้คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน ดังนั้นจึงควรลงโฆษณาในสื่อบันเทิง และสื่อออนไลน์ เช่น เกมออนไลน์ เว็บไซต์ดูภาพยนตร์ออนไลน์ เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุดตามพฤติกรรมการใช้งาน แต่อย่างไรก็ตามต้องมีความระวังเลือกลงโฆษณาด้วยปริมาณที่เหมาะสม เพราะคนอาจเห็นโฆษณาบ่อยเกินไปจนเบื่อได้
สร้างการจดจำด้วยความดี
ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตแบบนี้ ผู้คนจะจำบริษัทที่ทำความดี ช่วยเหลือสังคมให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ เช่น การบริจาคเงินเข้ากองทุนที่ช่วยเหลือคนยากจนที่ขาดแคลนอาหาร แจกของใช้จำเป็น จ่ายเงินเดือนให้พนักงานแม้ว่าจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้
ซึ่งบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งทั่วโลกอย่าง Ford, GE, และ 3M ได้ร่วมมือกันผลิตหน้ากากอนามัย และอุปกรณ์ป้องกันให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ส่วน Diageo และ AB InBev ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้เปลี่ยนโรงงานของตัวเองเผื่อช่วยผลิตเจลแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาที่ขาดแคลน แต่อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่บริษัทต่างๆ ควรคำนึงถึงคือ ต้องทำให้คนเชื่อว่าเป็นการทำด้วยใจ ไม่ได้ทำเพื่อหวังผลกำไร หรือผลทางการค้าในอนาคต
อัพเดทพฤติกรรมผู้บริโภคอยู่เสมอ
การติดตามสถานการณ์ปัจจุบัน และอัพเดทพฤติกรรมผู้บริโภคยังคงเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่เสมอไม่ว่าในช่วงเวลาปกติหรือช่วงเวลาวิกฤต ทั้งใน Social Media เว็บไซต์ช็อปปิ้งออนไลน์ รวมถึงเว็บบอร์ดเพื่อดูว่าในช่วเวลานั้น คนมีความต้องการสินค้าประเภทใด เพื่อสื่อสารข้อความไปยังผู้บริโภค และหาโอกาสที่จะขายสินค้าของตัวเองให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้คนที่ทำงานด้านการตลาดยังควรให้ข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค และการตลาดกับผู้บริหารด้วยเช่นกัน เพราะผู้บริหารคือคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจ
ทำงานต่อไป แม้ต้องเปลี่ยนวิธีทำงาน
ในช่วงเวลานี้ทุกธุรกิจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างเลี่ยงไม่ได้ บางครั้งอาจรุนแรงถึงขั้นทำงานต่อไม่ได้ ดังนั้นบริษัทควรเลือกที่จะปรับรูปแบบการทำงานก่อนที่ปัญหาจะมากขึ้นจนแก้ไขไม่ได้ โดยเฉพาะการเตรียมการให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ซึ่งตอนนี้มีเครื่องมือที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้การทำงาน เช่น การแชร์ไฟล์ การประชุม การร่วมทำงานเป็นทีมได้ แม้ว่าจะไม่ได้เข้าไปทำงานที่ทำงานก็ตาม
ผู้บริหาร หรือหัวหน้า ต้องร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับคนในแผนกอื่นๆ ทั้งการตลาด ฝ่ายขาย ฝ่ายดูแลลูกค้า ฝ่ายบริหาร และบริษัทอื่นๆ ที่ต้องร่วมงานด้วย เพื่อความรวดเร็วตามความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างมากในสถานการณ์แบบนี้
ที่มา – HBR
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา