นักวิชาการเศรษฐกิจการคลังเชื่อมือศิริกัญญา คุมคลังได้ ก้าวไกลจะเปลี่ยนโครงสร้างรัฐเพื่อขับเคลื่อนประเทศ

“จากประสบการณ์ทำงานด้านเศรษฐกิจให้ภาครัฐและเอกชน
ผมเชื่อว่า “ศิริกัญญา” สามารถเป็นรัฐมนตรีคลังได้
ถ้ายังจำกันได้ นโยบายสำรอง 30% โดยหม่อมอุ๋ยและแบงก์ชาติ
หุ้นเทวันเดียว 100+ จนต้องเลิกนโยบาย นี่คือคนโปรไฟล์ดี”

สุวิทย์ สรรพวิทยศิริ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง พูดถึงประเด็นดราม่าหลังศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลไปออกรายการกับเพจลงทุนแมนและพูดถึงนโยบาย 100 วันแรกของพรรคก้าวไกลในด้านเศรษฐกิจ จนบรรดาเซเลบจำนวนมากพากันถล่มและสรุปว่าไม่เชื่อมือ แม้จะยังไม่เห็นฝีมือก็ตาม

สิ่งที่ศิริกัญญานำเสนอว่า เศรษฐกิจไทยควรมี 3FG เป็น 3 เรื่องหลัก ดังนี้

หนึ่ง Firm Ground

หรือการสร้างรากฐานเศรษฐกิจไทยให้มั่นคง หมายรวมถึงภาคเกษตรที่ต้องมี Exist Option ให้เขาได้ เช่น สามารถออกจากภาคเกษตรได้ถ้าต้องการ หรือมีที่ดินทำกินที่มีกรรมสิทธิเต็มได้ SMEs ก็ต้องเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อสร้างรากฐานเศรษฐกิจให้ไทยด้วย รวมถึงแรงงานที่ต้องมีค่าแรงที่เป็นธรรมและเหมาะสม สามด้านนี้จะเป็นรากฐานที่มั่นคงทางด้านเศรษฐกิจให้ไทยได้ ประชาชนควรมีรายได้กินดีอยู่ดีมากขึ้นและลดสัดส่วนการพึ่งพิงการส่งออกลง

สอง Fair Game

คือการสร้างกติกาและกลไกภาครัฐเพื่อการแข่งขันที่เป็นธรรม ทั้งเรื่องการปรับปรุงกฎหมายในเรื่องการแข่งขันทางการค้า หรือการทลายทุนผูกขาด ตลอดจนการปรับกฎระเบียบภาครัฐที่ทำให้เกิดการผูกขาดโดยรัฐ เช่น ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่มีเหตุผลใดที่ต้องผูกขาดไม่กี่เจ้า

สาม Fast Forward Growth

ผลักดันเครื่องจักรเศรษฐกิจตัวใหม่ ความมั่งคั่งของประเทศต้องเติบโตต่อไปอย่างรวดเร็ว เรากำลังจะเผชิญปัญหาสังคมสูงวัย ประชากรวัยแรงงานกำลังจะหดตัว เราต้องเพิ่ม Productiity ให้ตามทัน

นี่คือสามเครื่องยนต์หลักที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปได้ [ฟังรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ https://web.facebook.com/longtunman/videos/785733266321503]

ศิริกัญญา ตันสกุล

เรื่องนี้สุวิทย์ฯ พูดถึงศิริกัญญาผ่าน Twitter ไว้น่าสนใจ ดังนี้ เขาบอกว่า จากประสบการณ์ที่ทำงานด้านเศรษฐกิจให้กับภาครัฐและเอกชน และติดตามวาระก้าวไกล/เพื่อไทย มาตลอด ผมเชื่อว่า ศิริกัญญา สามารถเป็นรัฐมนตรีคลังได้ โดยไม่ติดใจในสาระสำคัญที่เธอตอบคำถามได้ไม่ดีนักในรายการลงทุนแมนก็ตาม

เขาอธิบายว่า ว่าด้วยว่าที่ รมต. คลัง ศิริกัญญา ที่ปรากฎในสื่อหลังจากที่ไปออกรายการลงทุนแมนที่หลายคนแอบกังวลในความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจการเงินการคลัง โดยเฉพาะตลาดทุนมากน้อยขนาดไหน ผมขอจัดกลุ่มอดีต รมว. คลัง ออกเป็น 3 กลุ่ม คือนายธนาคาร นักวิชาการ และอดีตข้าราชการที่มักจะวนเวียนกัน

ถ้าจำนโยบายสำรอง 30% โดยหม่อมอุ๋ยและแบงก์ได้ [ช่วงนั้นมีการประกาศมาตรการกันสำรองเงินทุนจากต่างประเทศ 30% ส่งผลให้ตลาดหุ้นตกกว่า 100 จุดจนต้องยกเลิกนโยบาย] ที่หุ้นเทวันเดียว 100+ จุด จนต้องเลิกนโยบายนั้นในอีกวัน นี่คือ คนโปรไฟล์ดี แต่คนตลาดทุนคงยังไม่ลืม มุมมองของผมต่อ รมต. คลัง ในประเทศที่ขีดความสามารถในการแข่งขันต่ำ small and open economy นั้น นโยบายการเงินการคลังเราแปรผันตาม นโยบายการเงินการคลังของประเทศสำคัญของโลก ทั้งดอกเบี้ยและค่าเงิน ประเทศเรามิได้มีอิสระมากนัก แต่ต้องอาศัยคนที่เข้าใจใช้งาน ก.คลัง และ ธปท. เป็นก็เพียงพอแล้ว

สำหรับคุณศิริกัญญา ไม่ใช่ รมต. คลัง ที่จะมาตามแบบ traditional ดั้งเดิม เพราะศิริกัญญา มาด้วยวาระก้าวไกล หน้าที่ของเธอคือ การเป็น CFO ที่มาใช้เครื่องมือและกลไกรัฐเพื่อรื้อระบบงบประมาณ ภาษี การจัดสรรทรัพยากร เพื่อเป้าหมาย inclusive growth และ inequity เพื่อเปลี่ยนประเทศ

นโยบายการคลังของเธอและก้าวไกล จะมาสร้าง SME จาก Micro > Small > Medium > Large และสร้าง Startup ในการแข่งขันและยืนบนเวทีภูมิภาคได้ ซึ่งวันหนึ่งผลิตภัณฑ์จกนโยบายเหล่านี้จะกลายเป็นสินค้าในตลาดทุนที่ SET Index ไม่ไปไหนมา 10 ปีแล้วก็เป็นไปได้แน่นอนว่า ในระยะสั้น ความหวังต่อศิริกัญญา ในการมีข่าวเป็น รมว. คลัง ย่อมไม่ถูกใจ Influencer ในตลาดทุนแน่ เมื่อเทียบกับขื่อชั้น ดร. ศุภวุฒิ และ ดร. กอบศักดิ์ (ขออภัยที่เอ่ยนาม) เพราะการสื่อสารของเธอและความเข้าใจคนตลาดทุนของศิริกัญญานั้นยังไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นมากนัก

ก่อนหน้าที่ผลการเลือกตั้งจะออก เขายังเคยบอกว่า เป้าหมายของพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยต่างกัน พรรคเพื่อไทย เปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาล เพื่อบริหารประเทศ ส่วนพรรคก้าวไกล เปลี่ยนโครงสร้างรัฐ เพื่อขับเคลื่อนประเทศ

ที่มา – ลงทุนแมน, สุวิทย์ สรรพวิทยศิริ (1), (2) 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา