เมื่ออสังหาฯ ไทยอิ่มตัว บมจ.สิงห์ เอสเตท เล็งขยายธุรกิจในเมียนมาร์-เวียดนาม

เมื่อพ.ค.ที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท เพิ่งแถลงข่าวเตรียมแยกธุรกิจโรงแรมเข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยใช้ชื่อ SHR หรือ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน)

แม้ว่าธุรกิจโรงแรมนี้ส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ แต่ล่าสุดสิงห์ เอสเตทเตรียมปักธงขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมียนมาร์ และเวียดนาม 2 ประเทศนี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง?

นริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S

บมจ.สิงห์ เอสเตท เล็งขยายธุรกิจในเมียนมาร์

นริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S บอกว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยมีอุปสรรคหลายอย่าง โดยเฉพาะราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น การแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้นทุกปี ดังนั้นสิงห์ เอสเตท ที่ตั้งเป้าหมายเป็น Global Holding Company ต้องกระจายความเสี่ยงไปในต่างประเทศมากขึ้น 

ทั้งนี้ทางบริษัทฯ เห็นโอกาสขยายการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนาม โดยเฉพาะเมียนมาร์ เมื่อ 3 ปีก่อนทางบริษัทเข้าไปศึกษาพื้นที่ในเมืองย่างกุ้ง เพราะได้รับคำเชิญจากบริษัทในท้องถิ่น ที่ติดต่อให้บุญรอดฯ เข้าไปดูแลธุรกิจเบียร์ และเห็นว่าทาง สิงห์ เอสเตท มีศักยภาพในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

เบื้องต้นหากสิงห์ เอสเตทจะเข้าไปลงทุนในเมียนมา จะเป็นรูปแบบ Joint Venture หรือกิจการร่วมค้ากับบริษัทในท้องถิ่น โดยจะโฟกัสฐานลูกค้ากลุ่มบน (Premium) เหมือนในประเทศไทยที่มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ซึ่งพื้นที่ย่างกุ้งแม้จะมีขนาดใหญ่ แต่อาจต้องมีการซื้อที่ดินเพิ่มเติม เพื่อทำเป็น Mixed-Used

“จุดเด่นของเมียนมาคือ มีแรงงงานจำนวนมาก เช่น ปัจจุบันอายุเฉลี่ยแรงงานอยู่ที่ 27 ปี และมีทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก รวมถึงมีท่าเรือน้ำลึกอีก 2 แห่ง ซึ่งภายใน 2 ปีนี้สิงห์ เอสเตทเห็นโอกาสและศึกษาการลงทุนทั้งในเมียนมาร์ เวียดนาม โดยสนใจโรงแรม 4 ดาวขึ้นไป และคาดว่าเป็นการซื้อกิจการ ซื้อโรงแรมเข้ามาอยู่ในพอร์ตมากกว่าการสร้างเองเพื่อบริหารจัดการสภาพคล่องได้ง่ายขึ้น” 

สิงห์ เอสเตท : ความท้าทายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลัง

ช่วงครึ่งปีแรก 2019 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวรับกับนโยบายใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย และหลายคนคาดการณ์ว่าราคาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทยหลายที่จะปรับราคาลง แต่โครงการที่มีพื้นฐานดีราคาไม่ได้ปรับลดลงมากนัก ขณะเดียวกันการเมืองที่ปรับตัวดีขึ้นทำให้นักลงทุนที่รอซื้อมาระยะหนึ่งกลับมาซื้ออสังหาริมทรัพย์บ้างแล้ว

ส่วนครึ่งปีหลังนี้ สิงห์ เอสเตท ขยายธุรกิจต่อเนื่องโดยเตรียมเงินลงทุนไว้ราว 7,000-8,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันไตรมาส 3 ปี 2019 เตรียมนำ SHR เข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Par value อยู่ที่ 5 บาท) ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเงินของสิงห์ เอสเตท ที่จะสามารถหาแหล่งเงินทุนอื่นได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน สิงห์ เอสเตทจะถือหุ้นใน SHR ราว 58-60%

อย่างไรก็ตาม สิงห์ เอสเตท ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2019 จะอยู่ที่ 7,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวจากปี 2018 โดยไตรมาส 1 ปี 2019 มีรายได้รวม 3,000 ล้านบาท และคาดว่ารายได้ส่วนใหญ่จะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังจาก โครงการ THE ESSE ASOKE ,โครงการ THE ESSE @SINGHA COMPLEX รวมถึงการรับรู้รายได้จากโรงแรมในต่างประเทศ ปัจจุบันสิงห์ เอสเตท มี Back Log (การรับรู้รายได้จากงานในมือ) หรือยอดขายรอการโอนกว่า 12,000 ล้านบาทที่ทยอยรับรู้รายได้ในปี 2562-2563

สรุป

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เจอเรื่องท้าทายอยู่เสมอ โดยเฉพาะความกังวลของประชาชนว่าจะเกิดฟองสบู่เมื่อไร ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือกระจายการลงทุนไปต่างประเทศเพื่อลดความเสี่ยง ขณะเดียวกันสิงห์ เอสเตท ต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดรายได้สม่ำเสมอด้วย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา