สยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เตรียมเสนอขาย Perpetual bond อัตราดอกเบี้ย 5 ปีแรกอยู่ในช่วง 5.25%-5.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยได้รับเครดิตเรทติ้งระดับ Investment Grade สะท้อนศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทฯ
ชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ เปิดเผยว่า อดีตสยามพิวรรธน์ไม่เคยเปิดโอกาสให้นักลงทุน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจมาก่อน แต่ในวันนี้สยามพิวรรธน์เตรียมเสนอขาย Perpetual bond โดยมีแผนที่จะใช้ในการชำระค่าสิทธิการเช่าที่ดิน และใช้ปรับปรุงศูนย์การค้าทั้งหมด รวมทั้งขยายธุรกิจสู่ New Economy ในหลายประเภท ตลอดจนการสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มเชื่อมธุรกิจหลักกับการทำธุรกิจใหม่ ๆ ร่วมกับพันธมิตรใน Ecosystem ได้อีกด้วย นอกจากนี้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของสยามพิวรรธน์ในการบริหารธุรกิจศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และอาคารที่อยู่อาศัย ทำให้บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมในอีก 1-3 ปีข้างหน้า
บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2565 เป็นหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน (Perpetual Bond) ไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด และมีสิทธิเลื่อนชำระดอกเบี้ยโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ โดยไม่กำหนดอายุ แต่ผู้ออกหุ้นกู้สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้เมื่อครบกำหนด 5 ปีเป็นต้นไป
- อัตราดอกเบี้ยช่วง 5 ปีแรกที่ 5.25%-5.50% ต่อปี
- จากนั้นจะปรับอัตราดอกเบี้ยทุก ๆ 5 ปี อ้างอิงจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี
- กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน เสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่
- จองซื้อขั้นต่ำ 1 ล้านบาท และทวีคูณของ 1 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัท หลักทรัพย์ ไอ วี โกลบอล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ โดยคาดว่าจะเสนอขายในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมนี้
อันดับเครดิตของบริษัทฯ อยู่ที่ “A-” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” (Stable) ขณะที่หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนนี้ ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “BBB” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ซึ่งเป็นเครดิตเรทติ้งระดับ Investment Grade สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและศักยภาพความแข็งแกร่งของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกชั้นนำระดับโลก
ปัจจุบัน สยามพิวรรธน์ มีบริษัทในเครือ 47 บริษัท ดำเนินธุรกิจครอบคลุม 7 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย
1) ธุรกิจศูนย์การค้าอาคารสำนักงาน โดยมุ่งพัฒนาโครงการระดับโลกที่เป็นที่สุดแห่งความเป็นเลิศทั้งด้านการออกแบบ ก่อสร้าง และการบริหารจัดการ ได้แก่ สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ อาคารสยามพิวรรธน์ทาวเวอร์ สยามพารากอน ไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ซึ่งทั้งสิ้นนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศในสาขาต่าง ๆ จากเวทีระดับโลกที่สมาคมและองค์กรชั้นนำนานาชาติได้มอบให้ นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทยในฐานะที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากผู้คนทั่วโลกตลอดมา
2) ธุรกิจห้างสรรพสินค้า ด้วยการร่วมทุนกับบริษัทในประเทศและต่างประเทศที่มีประสบการณ์ เพื่อดำเนินงานธุรกิจห้างสรรพสินค้าพารากอนในสยามพารากอน และ สยามทาคาชิมายะ ณ ไอคอนสยาม ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับ ‘ทาคาชิมายะ’ ห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมี่ยมจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเปิดห้างสรรพสินค้า ทาคาชิมายะแห่งแรกในประเทศไทย
3) ธุรกิจศูนย์การประชุมและศูนย์แสดงนิทรรศการ ได้แก่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ที่ได้รับความนิยมเป็นสถานที่จัดงานสำคัญของภาครัฐและบรรดาธุรกิจไทย รวมทั้ง ทรู ไอคอน ฮอลล์ ณ ไอคอนสยาม ซึ่งทั้งสองแห่งเป็นสถานที่ระดับแนวหน้าของผู้นำในอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) ของประเทศไทย
4) ธุรกิจดิจิทัล แพลตฟอร์ม สร้างประสบการณ์ลูกค้าเชื่อมออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และการขยายตัวทางธุรกิจด้านดิจิทัล บริษัทได้พัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของการดำเนินธุรกิจ โดยเมื่อปลายปี 2564 ได้เปิดตัว ONESIAM SuperApp ดิจิทัลแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุด ที่เชื่อมธุรกิจออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน สร้างระบบนิเวศธุรกิจเชื่อมพันธมิตรที่แข็งแกร่ง
5) ธุรกิจบริหารจัดการอาคาร รับดำเนินงานบริหารจัดการอาคารประเภท Mix Used Complex ทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัย ดำเนินงานโดยทีมงานมืออาชีพ มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการอาคาร
6) การสื่อสารการตลาด เพื่อบริหารจัดการด้านการตลาดอย่างครบวงจรให้แก่ร้านค้าและโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเครือ
7) ธุรกิจค้าปลีก เพื่อยกระดับและพัฒนาศักยภาพของ SME ในเมืองสุขสยาม และร้านไอคอนคราฟต์ รวมถึงร้านค้าปลีกภายใต้แบรนด์อื่น ๆ ของกลุ่มบริษัทฯ มุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการไทยรายย่อยรวมทั้งผู้พิการและผู้ด้อยโอกาสให้ได้มีสถานที่จำหน่ายสินค้าชั้นนำของท้องถิ่นที่ผลิตจากจากชุมชน 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย และได้ขยายธุรกิจนี้ให้เป็นรูปแบบ Franchise ในต่างประเทศ เพื่อนำสินค้าไทยไปจำหน่ายให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ตามวิสัยทัศน์ขององค์กรที่มุ่งสร้างคุณค่าสมประโยชน์ร่วมกัน ภายใต้แนวคิด ESG ครอบคลุมทั้งผู้คน ชุมชนสังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนได้ที่ https://market.sec.or.th/public/idisc/th/Product/Filing/PL-0000007288/XX-XX-X-00000000-00000000-X
คำเตือน:
- หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูงและซับซ้อนกว่าหุ้นกู้ปกติ โดยมีความเสี่ยงที่ระดับ 7 จากทั้งหมด 8 ระดับ
- ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับชำระคืนเงินต้น เว้นแต่ผู้ออกตราสารหนี้จะเลิกกิจการ หรือมีการไถ่ถอนตราสารหนี้คืนก่อนกำหนด
- ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิเลื่อนการชำระดอกเบี้ยพร้อมกับสะสมดอกเบี้ยจ่ายไปชำระในวันใดๆ ก็ได้ ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้โดยไม่จำกัดระยะเวลาและจำนวนครั้งตามดุลยพินิจของผู้ออกหุ้นกู้แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทน ตามที่คาดหวังและไม่มีสิทธิฟ้องร้อง
- ตราสารหนี้ด้อยสิทธิคล้ายทุนนี้ไม่มีเงื่อนไขการผิดนัดไขว้ (cross-default) ทำให้เมื่อผู้ออกตราสารหนี้ผิดนัดชำระหนี้เจ้าหนี้อื่น จะไม่ถือว่าผิดนัดชำระตราสารหนี้นี้ด้วย
- ตราสารหนี้ด้อยสิทธิคล้ายทุนนี้มีสภาพคล่องต่ำเมื่อเปลี่ยนมือในตลาดรอง ทำให้เมื่อผู้ลงทุนต้องการขาย ผู้ลงทุนอาจไม่สามารถขายได้ในราคาและ/หรือเวลาที่คาดหวัง
- ในกรณีที่บริษัทผู้ออกตราสารล้มละลาย หรือเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ หรือเลิกกิจการ ผู้ลงทุน จะได้รับชำระหนี้ภายหลังเจ้าหนี้สามัญ เจ้าหนี้มีประกัน เป็นต้น
- ผู้ลงทุนควรทำความความเข้าใจลักษณะหุ้นกู้ เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่หนังสือชี้ชวนสำหรับการเสนอขายตราสารหนี้ แต่จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับตราสารหนี้ เพื่อให้ผู้ลงทุนมีระยะเวลาพอสมควรในการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตราสารหนี้ดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน โดยข้อมูลที่ปรากฎในเอกสารฉบับนี้เป็นการสรุปบางส่วนจากข้อมูลที่ปรากฎในร่างหนังสือชี้ชวนที่ได้ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย ดังนั้น ข้อมูลในการเอกสารฉบับนี้จึงอาจมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ การเสนอขายตราสารหนี้จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนที่ได้ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มีผลบังคับใช้แล้ว และได้จัดส่งหรือแจกจ่ายหนังสือชี้ชวนให้แก่ผู้ลงทุนแล้ว
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา