สยามพิวรรธน์ เตรียมเปิดตัว “แพลตฟอร์มใหม่” เชื่อมออฟไลน์-ออนไลน์ สร้างค้าปลีกแห่งอนาคต

โควิดทำให้การซื้อสินค้าออนไลน์เติบโตสูงมาก แต่ผู้บริโภคก็ยังคิดถึงความสุขจากการเลือกซื้อสินค้าในโลกความเป็นจริง นี่คือ insight ของผู้บริโภคที่ สยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้า สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เชื่อมั่นว่า คุณค่าและประสบการณ์บนโลกออฟไลน์ยังคงเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหาและขาดไม่ได้

siam piwat

ดังนั้นการเชื่อมโลกออฟไลน์สู่ออนไลน์อย่างไร้รอยต่อจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญ โดยสยามพิวรรธน์ ได้เตรียมเปิดตัว “แพลตฟอร์มใหม่” ต้นเดือนธันวาคม มุ่งเน้นสร้างคอมมูนิตี้ผสานการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าแบบบูรณาการ (Loyalty Program) โซเชียลและอีคอมเมิร์ซ (Social and E-Commerce) พร้อมต่อยอดสู่ฟินเทคในอนาคต

siam piwat

ผนึกพลังพันธมิตรรอบทิศ สร้าง 4 องค์ประกอบแพลตฟอร์มใหม่

อริยะ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ก่อตั้งบริษัท Transformational และทำหน้าที่ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนวัตกรรม บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด บอกว่า แพลตฟอร์มใหม่นี้ เกิดจากความร่วมมือในการพัฒนากับพันธมิตร ได้แก่

  • พันธมิตรคู่ค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ตรงกับจุดยืนของแบรนด์
  • พันธมิตรด้านเทคโนโลยี เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของแพลตฟอร์ม ข้อมูล และโปรแกรมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
  • พันธมิตรอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่โดนใจกับแต่ละคอมมูนิตี้

โดยมี 4 องค์ประกอบที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน ดังนี้

  1. ผนึกร้านค้า คู่ค้า พันธมิตรและแบรนด์ที่หลากหลาย: นับตั้งแต่การเปิดตัว Ultimate Chat & Shop เมื่อเดือนเมษายน 2564 ลูกค้ามียอดใช้จ่ายออนไลน์สูงกว่ายอดซื้อปกติในประเทศไทยโดยเฉลี่ย 9-10 เท่า ดังนั้นแพลตฟอร์มใหม่จึงเป็นการต่อยอด โดยมีพันธมิตรแบรนด์ระดับพรีเมียมและลักชัวรีเข้ามาร่วมอีกมาก
  2. สร้างคอมมูนิตี้ที่คัดสรรความพิเศษมาให้โดยเฉพาะ: สยามพิวรรธน์จะนำเสนอคอนเทนต์มากกว่า 3,000 คอนเทนต์ในแต่ละเดือนในคอมมูนิตี้ออนไลน์แพลตฟอร์มผสานการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าแบบบูรณาการ (Loyalty Program) เพื่อให้มาจับจ่ายกับแบรนด์โปรด หรือแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจ
  3. เชื่อมประสบการณ์โลกคู่ขนาน: บนแพลตฟอร์มใหม่ ลูกค้าจะค้นพบแบรนด์ สินค้า และประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แตกต่างและเงินซื้อไม่ได้ ในทุกที่ทุกเวลาโดยจะขยายศักยภาพของการเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนจริงด้วย Metaverse ในอนาคต
  4. นำเสนอระบบรีวอร์ดที่ไร้ขีดจำกัด: ยกระดับ Loyalty Program พร้อมเริ่มใช้ VIZ Coins ที่สามารถใช้ซื้อสินค้า ณ ร้านค้าที่เข้าร่วมรายการภายในศูนย์การค้า บนช่องทางออนไลน์ และเป็นทางเลือกให้ลูกค้าเปลี่ยนคะแนนในบัตรเครดิต เพื่อเพลิดเพลินไปกับสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม

siam piwat

ผสานเทคโนโลยี เปิดตลาดทั้งไทยและเทศ

อักเซล วินเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า เป้าหมายหลักของสยามพิวรรธน์ คือการเป็นผู้นำตลาดบุกเบิกโมเดลธุรกิจใหม่ สร้าง “ระบบนิเวศดิจิทัล” เพื่อขยายตลาดให้เข้าถึงลูกค้าใหม่ที่มีความหลากหลาย เร่งการเติบโตแบบก้าวกระโดด และครองความเป็นหนึ่งในใจลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ

ดังนั้นจึงร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ล่าสุดได้จับมือ ZIPMEX ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล เปิดให้ลูกค้าสามารถใช้ ZIPMEX Token เป็นเครื่องมือในการแลกเป็นสินค้าหรือบริการที่จับต้องและสัมผัสได้จริง

รวมทั้งได้ร่วมมือกับ KX ในการเปิดตัว Coral แพลตฟอร์ม NFT Marketplace ที่จะร่วมกันสร้างนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอด ทั้งในด้านศิลปะ วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ และสร้างสุดยอดประสบการณ์ให้กับลูกค้าทั้งคนไทยและต่างประเทศ โดยเปิดพื้นที่ของสยามพารากอน และไอคอนสยาม จัด NFT Innovation Digital Wall ให้ผู้ที่มาเยือนศูนย์การค้าได้เข้าชม NFT Art ได้อย่างใกล้ชิด

นอกจากนั้น ยังได้จับมือกับ Perx Technologies ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ เพื่อร่วมกันพัฒนาสร้างสรรค์ประสบการณ์แปลกใหม่บนโลกดิจิทัลที่จะขยายฐานลูกค้าของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ซึ่งปัจจุบันเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศให้กว้างไกลยิ่งขึ้นทั่วโลก ผ่านกลุ่มพันธมิตรร้านค้าและคู่ค้า (Global Partners)

ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์จาก Loyalty Program ที่ Personalized ให้เฉพาะบุคคล พร้อมเสริมความสนุกเร้าใจกับการจับจ่ายใช้สอยผ่านเกมมิฟิเคชัน (Gamification) สร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและเงินซื้อไม่ได้

siam piwat

“ทีมงาน” คือกำลังสำคัญในการสร้างสรรค์

ปัจจัยสำคัญ คือการสร้างทัพทีมงานที่แข็งแกร่ง สยามพิวรรธน์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน และเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำทีมในช่วงเปลี่ยนผ่านของธุรกิจ ได้แสดงศักยภาพ และท้าทายความสามารถของตนเองในแบบที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ  ผ่านการทำงานในรูปแบบโครงการธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ ที่ผู้ร่วมงานสามารถบริหารจัดการได้อย่างคล่องตัว และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว (Self-Directed Team) พร้อมทั้งได้เรียนรู้และลงมือทำงานที่แปลกใหม่ในทุก ๆ วัน ได้ใกล้ชิดกับพันธมิตรองค์กรใหญ่ แบรนด์ดังระดับโลก และผู้เชี่ยวชาญจากทุกสาขา เพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ สร้างผลงานที่จะเป็น Talk of the World

รอติดตามให้ดี ต้นธันวาคมนี้กับแพลตฟอร์มใหม่จากสยามพิวรรธน์ ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการค้าปลีกในอนาคต

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา