การระบาดของ COVID-19 ทำให้ E-Commerce และบริการขนส่งพัสดุเติบโตอย่างรวดเร็ว และหนึ่งในบริษัทที่ได้อานิสงส์นี้คือ Shippop ผู้ให้บริการจองขนส่งพัสดุออนไลน์ เพราะยอดใช้บริการเติบโตเท่าตัวในพริบตา
ยอดใช้บริการเพิ่มเร็วจนปรับตัวไม่ทัน
การเติบโตของ Shippop ในครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะยอดขายสินค้าออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆ เพิ่มขึ้นในช่วง COVID-19 และเหล่าพ่อค้าแม่ค้าต้องการใช้งานบริษัทขนส่งพัสดุเพื่อตอบโจทย์ยอดสั่งซื้อสินค้าที่หลั่งไหลเข้ามา แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ Shippop ต้องปรับตัวอย่างหนักเพื่อขยายธุรกิจให้ทันกับยอดใช้บริการดังกล่าว
สุทธิเกียรติ จันทรชัยโรจน์ กรรมการผู้จัดการ Shippop เล่าให้ฟังว่า บริษัทต้องเพิ่มพนักงานในช่วงโรค COVID-19 ระบาด จนมีทั้งหมด 90 คนในระยะเวลาสั้นๆ นอกจากนี้ยังต้องเพิ่มบริการหน้าร้านรับฝากสินค้า Shippop Shop รวมถึงบริการ ส่งด่วนใน 30 นาที เข้ามาเพื่อตอบโจทย์ยอดจองขนส่งพัสดุที่มีความหลากหลายมากขึ้น
“เราต้องปรับตัวอย่างหนักเพื่อให้รับกับยอดใช้บริการที่มากขึ้นให้ได้ โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนมี.ค. ที่ยอดการจองขนส่งพัสดุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 1 ล้านชิ้น/เดือน ส่งผลให้ตัวเลขคาดการณ์รายได้ปี 2563 เติบโตมากกว่า 100% ทั้ง Shippop ยังทำกำไรมาตั้งแต่ปี 2559 แล้ว”
ยิ่งแข่งขันกันดุเดือดยอดส่งเรายิ่งเติบโต
สำหรับภาพรวมธุรกิจจองขนส่งพัสดุของ Shippop จะเริ่มต้นที่บริษัทรวบรวมบริษัทขนส่งพัสดุในตลาดมากกว่า 15 รายไว้ในระบบ เช่นไปรษณีย์ไทย, Kerry Express, Flash Express และ SCG Express เป็นต้น พร้อมเปรียบเทียบราคาให้กับผู้สนใจใช้บริการ เพื่อให้ผู้ใช้ได้เลือกใช้บริษัทขนส่งพัสดุที่คุ้มค่าที่สุด
“Shippop เป็นคนกลางระหว่างผู้ใช้บริการ กับบริษัทขนส่ง โดยเราไปเหมาซื้อจำนวนการขนส่งพัสดุจากบริษัทต่างๆ มา ทำให้ผู้ใช้ได้จ่ายในราคาที่เทียบเท่ากับหน้าร้านของบริษัทขนส่งพัสดุเหล่านั้น และถ้ามีบริษัทขนส่งพัสดุหน้าใหม่เข้ามาอีก Shippop จะเข้าไปเจรจาเพิ่ม เพื่อทำให้ยอดจองขนส่งพัสดุของเราเติบโตยิ่งขึ้น”
อย่างไรก็ตามในมุมของรายได้ หากบริษัทขนส่งพัสดุมีการแข่งขันเรื่องราคากันมากขึ้น เช่นการทำโปรโมชั่นส่งวันอาทิตย์ได้ลดราคาพิเศษ จะทำให้ Shippop มีรายได้ลดลงเล็กน้อย ประกอบกับปัจจุบันมีผู้ให้บริการในลักษณะเดียวกับ Shippop มากขึ้น ทำให้บริษัทต้องตื่นตัวในการเจรจา และสร้างการเติบโตให้กับองค์กร
บริการใหม่ที่ยังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ในทางกลับกันบริการใหม่อย่าง Shippop Shop ยังสามารถขยายได้อย่างรวดเร็วผ่านรูปแบบเฟรนไชส์ ถึงเดือนสิ้นเดือนส.ค. มีทั้งหมด 500 สาขาทั่วประเทศ หรือเฉลี่ยเปิดเพิ่ม 100 สาขา/เดือน ส่วนบริการจัดส่งสินค้าด่วน ปัจจุบันบริษัทมีการเจรจากับร้านค้าที่ต้องการส่งสินค้ากลุ่มอาหาร หรืออื่นๆ เพื่อตอบโจทย์พวกเขาเช่นกัน
“Shippop คงอยู่นิ่ง และรอเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจขนส่งพัสดุที่แข่งขันกันดุเดือดไม่ได้ โดยเฉพาะช่วง COVID-19 ที่บริษัทขนส่งระหว่างประเทศต้องหยุดชั่วคราว เราก็ไปเจรจากับพวกเขาเพื่อเป็นตัวกลางในการส่งพัสดุระหว่างประเทศ ถือเป็นอีกรายได้ในอนาคตหลังการระบาดของโรค COVID-19 เริ่มทุเลา”
ดังนั้นความท้าทายในการทำธุรกิจในช่วง COVID-19 ของ Shippop คือการเร่งขยายธุรกิจให้สามารถรองรับการเติบโตของ E-Commerce และธุรกิจขนส่งพัสดุให้ได้ดีที่สุด เพราะถ้าไม่สามารถทำได้ โอกาสการเติบโตของธุรกิจก็แทบจะหายไปในทันที
Tech Startup ที่ต้องปรับตัวอย่างหนัก
ขณะเดียวกัน Shippop ถือเป็นหนึ่งใน Tech Startup ในประเทศไทยอีกรายที่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง สวนทางกับบางรายที่ปัจจุบันต้องหยุดชั่วคราว หรือล้มหายไปจากโลกธุรกิจ เพราะ COVID-19 ทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่ง จน Tech Startup รายใดที่ปรับตัวไม่ได้ ก็ย่อมมีปัญหาในทันที
“โชคดีที่เรามีส่วนเกี่ยวข้องกับ E-Commerce และธุรกิจขนส่งพัสดุ เพราะทั้งสองธุรกิจเติบโตในช่วง COVID-19 แต่ถ้าเป็น Tech Startup ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว บางรายถึงขั้นต้องหยุดกิจการไว้ก่อน หรือถ้าพวกเขาไม่หยุด ก็ต้องปรับตัว เช่น Startup บริการรับส่งกระเป๋าเดินทาง ก็เปลี่ยนเป็นรับส่งพัสดุด่วนทั่วกทม. เป็นต้น”
วิกฤต COVID-19 จึงเป็นหนึ่งในตัวช่วยให้นักลงทุนเห็นประสิทธิภาพของผู้ก่อตั้ง Tech Startup นั้นๆ ว่ามีวิสัยทัศน์ และพร้อมจะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตในช่วงเวลานี้ได้อย่างไร ที่สำคัญคือ COVID-19 จะทำให้เห็นว่า Tech Startup ในไทยพร้อมจะก้าวสู่ Unicorn ได้หรือไม่
สรุป
Shippop สามารถขี่คลื่น COVID-19 จนเติบโตในช่วงนี้ได้อย่างก้าวกระโดด แต่ถ้าอยู่เฉยๆ ไม่ปรับอะไร การเติบโตคงไม่สามารถทำได้มากขนาดนี้ ดังนั้นการเร่งปรับตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งในมุมเติบโตไปกับอุตสาหกรรม และเอาตัวรอดจากวิกฤต คือหัวใจสำคัญของผู้ก่อตั้ง เพื่อประคองให้สิ่งที่สร้างมากับมือสามารถยิ่งใหญ๋ได้ในอนาคต
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา