นโยบายเกี่ยวกับการลดมลพิษจากการคมนาคมนั้นเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ อย่างล่าสุด Shell หนึ่งในบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็ประกาศสนับสนุนนโยบายของสหราชอาณาจักร และพร้อมเดินหน้าพลังงานสะอาดเต็มตัว
อนาคตต้องปรับตัว จะให้อยู่นิ่งคงไม่ได้
เรียกว่านโยบายลดมลพิษของหลากหลายกลุ่มประเทศเช่นในยุโรป และจีน ต่างเขย่าตลาดรถยนต์ รวมถึงบริษัทน้ำมันเป็นอย่างมาก เพราะค่ายผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ ก็ต้องเร่งพัฒนารถยนตรุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานสะอาด ส่วนบริษัทน้ำมันจากเดิมที่สำรวจ, ขุดเจาะ และนำมาผ่านกระบวนการเพื่อจำหน่าย ก็ต้องหาพลังงานสะอาดมาทดแทนเช่นกัน
ซึ่ง Shell หนึ่งในผู้นำในบริษัทน้ำมันโลกก็เริ่มมีความชัดเจนในเรื่องนี้มากขึ้น หลัง Ben Van Beurden ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Shell ประกาศสนับสนุนนโยบายของสหราชอาณาจักรที่จะเลิกจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน และดีเซลเป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนภายในปี 2583
“ถ้าอยากก้าวไปข้างหน้า เราก็ต้องปรับตัว ไม่ใช่จะมาอยู่เฉยๆ และผมคิดว่าการที่กลุ่มสหราชอาณาจักรประกาศออกมาแบบนี้ก็ช่วยเพิ่มความชัดเจน และปรับความเข้าใจเรื่องมลพิษให้กับผู้บริโภค รวมถึงทำให้เรามีทิศทางที่แน่นอนมากขึ้นในการลงทุนเพื่อเติบโตในอนาคต ผ่านการเน้นทำตลาดพลังงานสะอาด” Ben Van Beurden กล่าว
ทั้งนี้ Shell ยังมองอีกว่า กลุ่มสหราชอาณาจักรนั้นมีความชัดเจน และเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้เร็วกว่ากลุ่มประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะในแอฟริกา และเอเขีย ที่เหมือนจะมองว่ายังไม่มีความจำเป็นในการเปลี่ยนผ่านของการใช้น้ำมันเบนซิน และดีเซลเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ใช้ในการคมนาคม ทำให้พวกเขามีความล้าหลังในเรื่องนี้
ขณะเดียวกันก็ไม่ได้มีแค่ Shell ที่เริ่มมีความชัดเจนในการลงทุนพลังงานสะอาด เพราะบริษัทน้ำมันระดับโลกรายอื่นๆ ก็เริ่มแล้ว เช่น BP ของสหราชอาณาจักรก็เพิ่งลงทุน 130 ล้านปอนด์ (ราว 5,700 ล้านบาท) เพื่อซื้อกิจการผู้ให้บริการเครือข่ายชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของที่นั่น แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะคิดเป็น 2% ของยอดขายรถยนต์ที่นั่นก็ตาม
สรุป
เชื่อว่าเราจะได้เห็นการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ของบริษัทน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันมากกว่านี้แน่นอน เพราะเมื่อโลกเริ่มให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดมากขึ้น การลงทุนเพื่อปรับตัวก็จำเป็น ว่าแล้วก็อยากให้กลับมามองประเทศไทยบ้าง ว่าบริษัทน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันที่อยู่ในไทยนั้นเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เหมือนจะอยู่เฉยๆ มากกว่า แต่ก็อาจจะไม่จำเป็นจริงๆ ก็ได้ เพราะปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าที่ชาร์จไฟได้ที่นี่ก็มีราว 10,000 คันเท่านั้น
อ้างอิง // Business Insider
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา