ถ้ามี.ค.62 หุ้นไทยไม่แตะ 1,780 จุด หุ้นจะตกต่อ 2-3 ปี เพราะอะไร? (ชี้เป้า 7 หุ้นเด็ดพ.ย.)

ต้นปี 2018 ดัชนีหุ้นไทย หรือ SET (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ขึ้นไปสูงกว่า 1,800 จุด จนไตรมาส 3 ใครจะคิดว่าหุ้นไทยตกลงมาที่ 1,600-1,700 จุด ยิ่งปีหน้าไม่ว่าจะเศรษฐกิจโลก หรือเศรษฐกิจไทยนักวิเคราะห์ต่างมองว่าจะโตช้ากว่าปีนี้ แล้วหุ้นไทยปีหน้าจะรุ่งหรือร่วง?

ภาพจาก Shutterstock

หลังเลือกตั้งมี.ค. 62 หุ้นไทยจะไปถึง 1,780 จุดไหม?

วิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ บอกว่า ช่วงมี.ค. 2562 เป็นช่วงที่ประเทศไทยมีข่าวดีพร้อมกัน เช่น การเลือกตั้ง บริษัทต่างๆ ทยอยจ่ายปันผล ฯลฯ ต้องจับตาดูว่าดัชนีหุ้นไทยจะยืนเหนือ 1,780 จุดหรือไม่?

หากทางเทคนิคถ้าดัชนีหุ้นไทยขึ้นไปที่ 1,780 จุด จะทำให้หุ้นไทยไปต่อที่ 1,850-1,900 จุด แต่ถ้าดัชนีหุ้นไทยไม่ทะลุ 1,780 จุด หุ้นไทยจะเข้าสู่ขาลงครั้งใหญ่ และจะเป็นขาลงต่อเนื่องยาวนานไปอีก 2-3 ปี

หลังมี.ค. 2562 ถ้าหุ้นไทยตก จะมีแนวรับแรกอยู่ที่ 1,600 จุด ส่วนครึ่งปีหลังอาจจะหลุดไปอยู่ที่แนวรับใหม่ที่ 1,400 จุด เพราะข่าวดีเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ การอนุมัติโครงการต่างๆ ได้ดำเนินการไปในช่วงก่อนการเลือกตั้งแล้ว

ภาพจาก Shutterstock

นอกจากนี้มีปัจจัยกดดันหุ้นไทยคือ ปี 2562 อาจเป็นปีสุดท้ายที่มีเม็ดเงินจาก LTF (Long Term Equity Fund) ไหลเข้าซื้อหุ้นไทย (อ่านข่าวเพิ่มเติมที่นี่) แม้นักลงทุนที่ถือ LTF จะขายไม่ได้ทันทีเพราะต้องถือให้ครบ 5 ปี หรือ 7 ปี แต่หลังจากนี้คาดว่าจะเห็นความตั้งใจที่จะขายหุ้นมากขึ้น

“ปี 2562 เราอาจเห็นแรงขายจากนักลงทุนสถาบันในประเทศซึ่งที่ผ่านมานักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องมาตลอด 5 ปี”  

ทว่ายังมีปัจจัยบวกให้หุ้นไทยปี 2562 ยังไปต่อได้ คือ การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ การจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียน และฐานราคาหุ้นที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับในอดีต

แล้วเดือน พ.ย.-ธ.ค 2561 นี้ตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไร?

บล.ทิสโก้ ประเมินว่า หากวิเคราะห์ในเชิงเทคนิค ดัชนีหุ้นไทยเดือนพ.ย.-ธ.ค. 2561  เป็นทิศทางขาขึ้น คาดว่าจะจะขึ้นไปทดสอบที่ 1,730-1,750 จุด (แนวรับคาดว่าจะไม่หลุดกรอบ 1,630 จุด) มีปัจจัยบวกคือเม็ดเงินกว่า 30,000 ล้านบาทจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)

และข่าวดีอีกหลายอย่าง เช่น ความชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้ง การเร่งรัดประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐบาล รวมถึงเป็นช่วงที่บริษัทจดทะเบียนไทยทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3/2561

“จากช่วงต.ค. 2561 หุ้นไทยปรับตัวลงแรง ประเมินว่าในเดือนพ.ย.นี้น่าจะเป็นจังหวะของการรีบาวด์ เลยเป็นจังหวะที่ดีที่จะเข้าซื้อหุ้นไทยที่มีพื้นฐานดี ราคาถูก รวมถึงเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐบาล”

7 หุ้นเด่นเดือน พ.ย. 61 มีอะไรบ้าง?

หุ้นเด่นประจำเดือนพ.ย. (บล.ทิสโก้คาดหวังอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อหุ้นไว้ที่ประมาณ 8.0%) ได้แก่

  1. BBL       :   ธนาคารกรุงเทพ
  2. MTC      :   บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
  3. NYT       :   บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน)
  4. ROJNA   :   บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน)
  5. SEAFCO :   บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน)
  6. STEC     :   บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน)
  7. TPCH     :   บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
  8. TPIPP    :   บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)

สรุป

ไม่ว่าปีหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้หุ้นไทยราคาลดลงหลายตัว ถือเป็นช่วงที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาไม่แพงได้ ส่วนมี.ค.2562 ทิสโก้มองว่าถ้าหุ้นไทยไปไม่ถึง 1,780 จุด ดัชนีจะตกลงไปอยู่ที่ 1,600 จุด ช้ำกว่านั้นคือครึ่งปีหลัง 2562 จะตกลงไปอยู่ที่ 1,400 จุด แถมหุ้นไทยอาจจะตกต่อเนื่องอีก 2-3 ปี แต่ถ้าหุ้นไทยทะลุ 1,780 จุด มีโอกาสไปถึง 1,850-1,900 จุด 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

จากนักข่าวการเงินหนังสือพิมพ์ธุรกิจย่านประชาชื่น ผันตัวเข้าโลกออนไลน์ ความท้าทายครั้งใหม่คือการเล่าเรื่องเงินให้เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง