ธุรกิจค้าปลีกในญี่ปุ่นเริ่มมีปัญหา เพราะพนักงานไม่เพียงพอ ผ่านการระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ Seiyu อีกยักษ์ใหญ่ของธุรกิจนี้ทุ่มเงิน 350 ล้านเยน (ราว 100 ล้านบาท) เพื่อจ่ายโบนัสพิเศษให้กับพนักงานในสาขาต่างๆ
โบนัสพิเศษเพื่อคนทำงาน
การระบาดของโรค COVID-19 ในญี่ปุ่นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงขั้นรัฐบาลเริ่มขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่บ้าน แต่การขอร้องนี้เองก็ทำให้ประชาชนเริ่มออกมาซื้อสินค้าที่ค้าปลีกต่างๆ เป็นจำนวนมาก จนบางครั้งก็ไม่สามารถควบคุมตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing ได้
เมื่อเป็นอย่างนี้ พนักงานที่ทำงานในค้าปลีกต่างๆ ก็มีความเสี่ยงในการติดโรค COVID-19 ทำให้ Seiyu เตรียมดูและปัญหานี้ด้วยการทุ่มงบประมาณกว่า 1,300 ล้านเยน (ราว 390 ล้านบาท) เพื่อจ้างงานเพิ่มอีก 3,000 ตำแหน่ง รวมถึงเพื่อซื้ออุปกรณ์ป้องกันโรค เช่นหน้ากาก, แว่นตา และถุงมืออนามัย
นอกจากนี้ยังแบ่งงบนี้มา 350 ล้านเยน (ราว 100 ล้านบาท) เพื่อนำไปจ่ายเป็นโบนัสพิเศษให้กับพนักงานในสาขาต่างๆ กว่า 33,500 คน คิดเป็นยอดเงินคนละ 15,000 เยน (ราว 4,500 บาท) แสดงให้เห็นถึงการดูแลพนักงานตามสาขาต่างๆ อย่างเต็มที่
ไม่ใช่แค่ Seiyu ที่เดินหน้ามาตรการในลักษณะนี้ เพราะ Aeon อีกค้าปลีกชื่อดังของญี่ปุ่นก็จ่ายเงิน 10,000 เยน (ราว 3,000 บาท) ให้กับพนักงานพาร์ทไทม์กว่า 1 แสนคนที่เข้ามาช่วยเหลือในวิกฤตนี้ ในทางกลับกันเพื่อลดปัญหาความหนาแน่นในค้าปลีก รัฐบาลญี่ปุ่นได้ขอร้องให้ประชาชนออกมาซื้อสินค้าแค่ 3 ครั้ง/สัปดาห์
สรุป
ค้าปลีกช่วงนี้ต้องการคนจริงๆ เพราะคงไม่มีใครอยากเสี่ยงมาทำงานในที่ที่คนเยอะ และไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นจะมีโรค COVID-19 อยู่หรือไม่ ดังนั้นต้องให้กำลังใจพนักงานค้าปลีกเหล่านี้ และการเพิ่มค่าตอบแทนพิเศษก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้พวกเขายินดีมาทำงานจริงๆ
อ้างอิง // Japan Today
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา