การเดินหน้านโยบาย Digital Economy หรือเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาล ทำให้ทุกองค์กรเริ่มตื่นตัวในเรื่องเทคโนโลยี และหันมาลงทุนกับเรื่องนี้มากขึ้น แต่รู้หรือไม่ ว่าการลงทุนดิจิทัลไปเยอะๆ จนมีโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ก็มีโอกาสเสี่ยงในการถูกผู้ไม่ประสงค์ดีโจมตีข้อมูลเพิ่มขึ้น ดังนั้นลองถามตัวเองว่าพร้อมที่จะลงทุนเรื่อง Security บ้างหรือยัง
ถึงส่วนใหญ่ยังไม่มอง แต่แนวโน้มลงทุนเริ่มก้าวกระโดด
สมชาย หิรัณยากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์คลูซีพ เน็ตเวิร์ก จำกัด ผู้ทำตลาด Network Security เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้การลงทุนเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย หรือ Security เพื่อป้องกันการถูกโจมตีทางข้อมูล ยังไม่ถูกใส่ใจในการลงทุนเรื่องไอทีมากนัก เพราะหลายบริษัทยังต้องการลงทุนไอทีเพื่อเพิ่มขีดจำกัดในการแข่งขันทางธุรกิจมากกว่า แต่ด้วยข่าวสารเรื่องการโจมตีข้อมูลเริ่มมีมากขึ้น หลายองค์กรจึงเริ่มลงทุน โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ จนมูลค่าการลงทุนเกี่ยวกับเรื่องนี้สูงถึง 13,000 ล้านบาทในประเทศไทย และในปี 2560 ก็น่าจะเพิ่มมากกว่า 10%
“เมื่อองค์กรใหญ่หันมาลงทุนเรื่องนี้มากขึ้น ทำให้องค์กรขนาดกลาง จนถึงเล็ก ก็อยากลงทุนบ้าง เพราะเริ่มใส่ใจเรื่องความปลอดภัยในข้อมูล นอกจากประสิทธิภาพในการแข่งขัน แต่ด้วยตอนนี้ไม่มีโซลูชั่นใดที่สามารถตอบโจทย์เรื่องราคาให้กับกลุ่มองค์กรขนาดเล็กได้ ดังนั้นนี่ถือเป็นโอกาสมหาศาลที่ผู้จำหน่ายโซลูชั่น Security จะสร้างการเติบโตในแง่รายได้ เพียงแค่หาสินค้า และบริการเข้ามารับกับความต้องการนี้ ที่สำคัญต้องรักษาส่วนแบ่งในตลาดองค์กรขนาดใหญ่ กับหน่วยงานรัฐไว้ด้วย เนื่องจากคู่แข่งทั้งใน และต่างประเทศก็จะเข้ามาแข่งขันเพิ่ม”
Fin Tech คืออีกตัวแปรสำคัญของโซลูชั่น Security
ขณะเดียวกัน จากกระแส Startup ในประเทศไทยที่มีการลงทุนในธุรกิจกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และในฝั่งผู้ให้บริการทางการเงินก็มีการลงทุนในกลุ่ม Fin Tech มากขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้มีความจำเป็นต้องใช้งานระบบ Security ขั้นสูง เพราะส่วนใหญ่จะให้บริการเกี่ยวกับการเงิน และเชื่อมต่อกับธนาคาร ดังนั้นความปลอดภัยต้องมาก่อน จึงถือเป็นอีกโอกาสสำคัญในการทำตลาด Security ในประเทศไทย นอกจากการทำตลาดกับองค์กรธุรกิจ, หน่วยงานรัฐ และสถาบันการศึกษา เหมือนที่เคยทำอยู่ทุกวันนี้
และจากปัจจัยดังกล่าว เอ็กซ์คลูซีพ เน็ตเวิร์ก จึงร่วมมือกับ Gigamon อีกองค์กรที่พัฒนาโซลูชั่นเชื่อมต่อระหว่างข้อมูล กับตัวตรวจจับความไม่ปลอดภัย เพื่อคัดกรองข้อมูลให้ตรงกับประเภทที่ต้องการตรวจจับ เช่น Firewall และ Antivirus ที่สำคัญยังทำให้ตัวตรวจจับไม่ทำงานหนักเกินไป โดยราคาการทำตลาดก็จะไม่สูงจนเกินไป เพื่อตอบรับความต้องการได้ตั้งแต่งองค์ขนาดเล็ก จนถึงระดับ Enterprise แต่การร่วมมือครั้งนี้จะไปทำตลาดกับกลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม, การเงินการธนาคาร และหน่วยงานรัฐก่อน
สำหรับรายได้ของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้าที่ 750 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ราว 12 – 15% โดยคาดหวังปีหน้าเติบโตที่ 25% เนื่องจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดในประเทศไทยถูกปัญหาทางการเมือง และความไม่สงบมากระทบการลงทุนขององค์กรต่างๆ และการทำตลาดในปีหน้าก็จะขยายคู่ค้า (Reseller) จากเดิมมีอยู่ 150 รายทั่วประเทศไทย เพื่อทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่นงานอบรมสัมมนาเรื่อง Security
สรุป
Security กลายเป็นเรื่องที่ทุกองค์กรต้องจับตามอง เพราะถ้าไม่ลงทุนเรื่องนี้ โอกาสที่จะตกเป็นเป้าหมายการโจมตีข้อมูลก็มากขึ้น และยิ่งยุคนี้ข้อมูลสำคัญดั่งทองคำ หากโดนโจมตี ฐานลูกค้าที่สะสมไว้นาน หรือแผนการตลาดที่เตรียมปฏิบัติ อาจหายไปในพริบตา ดังนั้นปี 2560 จะเห็นการลงทุนเรื่อง Security เพิ่มขึ้นแน่นอน อยู่ที่ว่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดแค่ไหนเท่านั้นเอง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา