The Secret Sauce Summit 2025 กับภารกิจปลดล็อก ‘ปีศาจ’ ในตัวนักธุรกิจและผู้ประกอบการไทย ต้อนรับปฐมบทโลกธุรกิจใหม่

The Secret Sauce Summit 2025 Business festival สำหรับผู้ประกอบการและนักธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งปีนี้มาในธีม ‘Unleash the Business Beast’ ปลุกจิตวิญญาณปีศาจผู้ประกอบการที่พร้อมคว้าโอกาสใหม่ และรับมือกับความท้าทายธุรกิจ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 – 17 กันยายน 2568 โดยปิดทั้งชั้น 6 ของ UOB LIVE, Emsphere เพื่อรองรับผู้เข้าร่วมงานกว่า 10,000 คน

ตลอดสองวัน อัดแน่นไปด้วยความรู้ ประสบการณ์ และกลยุทธ์จากปีศาจผู้ประกอบการตัวจริง รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายอุตสาหกรรม ผ่าน 4 โซนหลักที่เปิดโอกาสให้ทุกท่านได้เลือกเข้าฟัง ได้แก่ Main Stage, Expertise Stage, Investment Stage และ Young Entrepreneur Stage

Day 1: เปิดวันแรกของงานด้วยเนื้อหาจากทัพผู้บริหาร และที่ปรึกษาองค์กร เพื่อปูพื้นความเข้าใจสถานการณ์ในโลกปัจจุบัน และติดอาวุธให้ผู้เข้าร่วมงานด้วยเนื้อหาที่หลากหลาย 

ทำไมต้องเป็น ปีศาจผู้ประกอบการ?

เคน นครินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และบรรณาธิการบริหาร บริษัท เดอะสแตนดาร์ด จำกัด เผยว่า “โลกธุรกิจในปัจจุบันเปรียบเสมือน ‘ป่า’ ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น AI, Climate Change, หรือการเข้ามาของทุนจีน ซึ่งบีบให้ผู้ประกอบการต้องกลายพันธุ์ จากผู้ประกอบการทั่วไป สู่ ‘ปีศาจผู้ประกอบการ’ ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เพื่อความอยู่รอดในโลกยุคที่เต็มไปด้วยความผันผวน”

เฟรมเวิร์ค B.E.A.S.T วิวัฒนาการสู่ ‘ปีศาจผู้ประกอบการ’

B – Boldness: กล้าคิด กล้าทำ กล้าแตกต่าง

เมื่อเส้นทางเดิมไม่พาไปไหน สิ่งที่ต้องมีคือความกล้าที่จะสร้างเส้นทางใหม่ ไม่ใช่แค่คิดต่างเพื่อความเท่ แต่ต้องกล้าทำจริงแม้จะยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน 

E – Embrace Change: โอบรับความเปลี่ยนแปลงแบบไม่มีเงื่อนไข

โลกหมุนเร็วจนไม่เปิดโอกาสให้ใครหยุดอยู่กับที่ แค่รู้ทันการเปลี่ยนแปลงยังไม่พอ ต้องยอมรับมันเต็มหัวใจ และปรับตัวให้เร็วที่สุด ทั้งในระดับโครงสร้างองค์กร ซัพพลายเชน หรือแม้แต่วิธีคิดของพนักงาน 

A – Agile Action: ลงมือเร็ว ล้มเร็ว เรียนรู้เร็ว

ในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การรอแผนสมบูรณ์อาจช้าเกินไป ผู้ชนะคือลงมือก่อน เรียนรู้ระหว่างทาง และปรับให้ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่กลัวความล้มเหลว แต่รู้จักบริหารความเสี่ยงให้เป็น 

S – Serve Customers Deeply: เข้าใจลูกค้าแบบลึกซึ้งถึงแก่น

ยุคนี้การตลาดแบบหว่านแหไม่พออีกต่อไป ผู้ประกอบการที่เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งถึงไลฟ์สไตล์ ความเชื่อ ความฝัน และจริตเฉพาะของแต่ละกลุ่ม จะสามารถสร้างแบรนด์ที่ครองใจได้จริง 

T – Team & Partner: ทีมที่ไว้ใจได้ และพาร์ตเนอร์ที่ไปด้วยกัน

ไม่มีใครโตได้คนเดียว การมีทีมที่เข้าใจกันทั้งในเรื่องวิสัยทัศน์ คุณค่า และความเห็นอกเห็นใจ คือรากฐานที่สำคัญไม่แพ้เงินทุน และเมื่อเสริมด้วยพันธมิตรที่เก่งในคนละด้าน เป้าหมายที่เคยไกลจะใกล้ขึ้นอีกขั้น 

จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงการนำพาธุรกิจฝ่าคลื่นลมใน ‘ยุคสงคราม’ ว่า “ผู้นำและผู้ประกอบการต้องมองภาพใหญ่และมองการณ์ไกลถึง 10 ปีข้างหน้า เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโต เพราะนี่คือโลกยุคที่กำลังแตกเป็นกลุ่มขั้วอำนาจหลากหลาย ไม่ใช่แค่สหรัฐฯ – ยุโรป ฯลฯ การแข่งขัน และการสู้รบจะเข้มข้นขึ้น โดยมีแกนหลักคือการเข้าใจเมกะเทรนด์ ความยั่งยืน และการนำเทคโนโลยีมาใช้”

ซึ่งโกบินทร์ รัตติวรากร HR Strategy and Technology Partner , Deloitte Southeast Asia ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์การใช้เทคโนโลยี ว่า “การเปลี่ยนจาก ‘Doing Digital’ ไปสู่ ‘Being Digital’ คือหัวใจสำคัญของการอยู่รอดและสร้างความได้เปรียบในยุคดิจิทัลที่ AI ฝังลึกในทุกส่วนของธุรกิจอย่างมหาศาล แม้ความท้าทายจะอยู่ที่การขาดความรู้และงบประมาณ แต่ ‘Agentic AI’ ที่ทำงานเป็นเวิร์กโฟลว์หลากหลายหน้าที่กำลังจะมา และทักษะสำคัญสำหรับอนาคตคือความเข้าใจ AI, การจัดการข้อมูล, การบริหารความเสี่ยง, และการสร้างธรรมาภิบาลในโลกที่เทคโนโลยีขับเคลื่อนทุกสิ่ง”

จะเป็นปีศาจผู้ประกอบการ ต้องเข้มรอบด้าน

ไม่เพียงอัปเดตความรู้ แต่การอัปสกิลก็สำคัญ บน Expertise Stage ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ผู้ดำเนินรายการ 8 Minute History และ Morning Wealth ได้บรรยายในหัวข้อ ‘Speak with Impact: Communication Skills for Leaders ผู้นำรุ่นใหม่สื่อสารอย่างไรให้ทรงพลัง’ ว่า “ในการสื่อสารทุกครั้ง หัวใจสำคัญไม่ใช่แค่สิ่งที่เราอยากจะพูด แต่เป็นสิ่งที่คนฟังอยากจะฟัง การที่เราจะอธิบายสิ่งต่างๆ ให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายนั้นหมายความว่าเราต้องเข้าใจสิ่งนั้นอย่างถ่องแท้เสียก่อน ดังคำกล่าวของ อับราฮัม ลิงคอล์น ที่ว่า ‘หากเรามีเวลา 8 ชั่วโมงในการโค่นต้นไม้ ผมจะใช้ 6 ชั่วโมงไปกับการลับขวานให้คม’ การเตรียมพร้อมและทำความเข้าใจผู้ฟังจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”

ขายของปากเปล่าไม่ได้ผลอีกต่อไป เพราะยุค Influencer Marketing กำลังมา สโรจ เลาหศิริ ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการตลาด กล่าวว่า “ความสำเร็จของ Influencer Marketing ในปี 2026 ต้องมี 3 เกณฑ์สำคัญ ได้แก่ ‘Right Objective’ กำหนดเป้าหมายชัดเจน ‘Right Influencer’ เลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสมโดยไม่ดูแค่จำนวนผู้ติดตาม แต่พิจารณาจากพลังในการเข้าถึง โน้มน้าว และแพลตฟอร์มที่เชี่ยวชาญ และ ‘Right Approach’ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอินฟลูเอนเซอร์ ไม่ใช่แค่การทุ่มงบประมาณ เน้นการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าต่ออินฟลูเอนเซอร์และผู้ติดตาม”

ทางฝั่ง Investment Stage ก็เข้มข้นไม่แพ้กัน ธนพงษ์ ณ ระนอง President of TVCA and Managing Partner, Beacon VC ได้ชี้ถึงวิธีที่จะทำให้ธุรกิจของคุณถูกเลือกโดยนักลงทุน ว่า ในการจะทำให้ธุรกิจเป็นที่สนใจของนักลงทุนนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมความพร้อมในทุกมิติ โดยคุณควรมองหาไอเดียธุรกิจ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง จากนั้นให้สร้างทีมผู้ก่อตั้งที่แข็งแกร่งและมีความเชี่ยวชาญ ธุรกิจของคุณควรมีข้อได้เปรียบที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นสิ่งที่จะสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งและยากต่อการลอกเลียนแบบ 

นอกจากนี้ โมเดลธุรกิจที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าใช้งานได้จริงและมีศักยภาพในการเติบโตสูง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม สุดท้ายคือการมีแผนการระดมทุนที่เหมาะสมและชัดเจน ซึ่งควรครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้อย่างน้อย 24-36 เดือน เพื่อแสดงให้นักลงทุนเห็นว่าธุรกิจของคุณมี ‘รันเวย์’ ที่ยาวพอที่จะเติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคง”

เทรนด์คนรุ่นใหม่มาไว ทำอย่างไรให้ธุรกิจตามทัน

ด้าน Young Entrepreneur Stage เวทีรวบผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่มาแรงก็ฝากข้อคิดดีๆ ไว้มากมายไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น Session ‘Tea Wars: Brewing Differentiation to Win Customers สงครามชา: เคล็ดวิธีสร้างความต่าง คราฟต์แบรนด์ให้ลูกค้ารัก’ ซึ่งรวมผู้ประกอบการเครื่องดื่มมาแรงอย่าง ‘ชา’ มาไว้ด้วยกัน

ธัญย์ณภัคช์ ศิริประภาเจริญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท การัน เบฟเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในยุคที่ผู้บริโภคฉลาดเลือก ‘รสชาติและมาตรฐาน’ คือหัวใจสำคัญในการสร้างแบรนด์ชาไทยพรีเมียมให้แตกต่างและยั่งยืน การันมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในสิ่งที่เราทำ ด้วยการทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เราทำการวิจัยด้วยตัวเองเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริง ทำให้เราสามารถสร้างความแตกต่างที่ตอบโจทย์ และครองใจผู้บริโภครุ่นใหม่ได้อย่างยั่งยืน”

และสรวิศ พันธ์เกษม หุ้นส่วน และ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ เอ็มทีซีเอช ได้ให้แง่คิดว่า “MTCH เริ่มต้นแบรนด์ด้วยความเชื่อมั่นในการสร้างสรรค์ประสบการณ์มัทฉะที่แท้จริง เราให้ความสำคัญกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงสุด ควบคู่ไปกับการทำความเข้าใจและตอบรับสไตล์การบริโภคที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทย เพื่อให้แบรนด์ Blend-in ไปกับผู้บริโภค เพราะสำหรับเราแล้ว ความสำเร็จที่แท้จริงคือการเป็นส่วนหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในระยะยาว”

Day 2: ยังคงสร้างความประทับใจด้วยสูตรลับจากเหล่าปีศาจผู้ประกอบการจากหลากอุตสาหกรรม หลายวิชาชีพ เติมเต็มสีสันด้วยเนื้อหาความรู้อัดแน่น แต่ไม่น่าเบื่อ 

สร้างแบรนด์ให้ดี Community ต้องมาคู่กัน

การสร้าง Community คือเทรนด์ใหม่ของการสร้างแบรนด์ ซึ่งณัฏฐ์ กลิ่นมาลี หรือ ฟาโรส จาก FAROSE Studio ได้ให้แนวคิดว่า “การสร้างช่อง YouTube ไม่ใช่แค่เรื่องของการเพิ่มยอด Subscribe หรือยอดขาย แต่เป็นการสร้าง ‘คอมมูนิตี้’ ที่แข็งแกร่งต่างหาก เราไม่ได้ทำตามสูตรสำเร็จ แต่จะ ‘ลองทำไปก่อน แล้วค่อยปรับ’ จากผลลัพธ์ที่ได้ โดยใช้ Data ควบคู่ไปกับสัญชาตญาณ และแม้จะประสบความสำเร็จจากงานออนไซต์ครั้งแรก แต่เราก็ยังยึดมั่นในแนวทางการเติบโตอย่างช้าๆ แต่ยั่งยืน เพราะเชื่อว่าผู้ชมจะอยู่กับเราไม่ใช่เพราะคอนเทนต์ที่ดีที่สุด แต่เพราะพวกเขารู้สึกได้เป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่กับเรา

การใช้ AI ในธุรกิจ จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ 

เราทุกคนรู้ดีว่า AI = อนาคต และตอนนี้มันกลายเป็นปัจจุบันของเราไปด้วยแล้ว โดย ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ViaLink และ Siametrics Consulting ได้พูดถึงประเด็นนี้ดังกล่าว ว่า “ อนาคตเราอาจเห็น ‘Solo Unicorn’ ที่มีพนักงานเพียงคนเดียวคือเจ้าของ เพราะ AI จะเข้ามาช่วยทำงานหลายส่วน แต่สิ่งที่ AI ไม่มีคือ ‘ความจริงใจ’ ‘อารมณ์ขัน’ ‘แรงใจ’ และ ‘ความอึด’ ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์เท่านั้นทำได้ ดังนั้น Secret Sauce ที่แท้จริงคือ ‘ความกล้า’ ที่จะยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์ และทลายขีดจำกัดทางความคิด เพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะเราจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่สุดอีกต่อไป”

T-Beauty และ T-Fashion คือ Soft Power มาแรง

ฟากเวทีผู้ประกอบการรุ่นใหม่ก็ยังแรงดีไม่มีตก ซึ่งวันนี้มากับหัวข้อที่กำลังเป็นกระแสในโลกธุรกิจ อย่างแฟชั่น และความงาม

เรื่องของแฟชั่นบน Session “Thai Fashion: Go Viral, Go Global, Out of Stock ถอดรหัสแฟชั่นไวรัล จุดกระแสโปรดักต์ขายดีจนหมดสต็อก” วีรวรรธน์ ชินพิลาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและครีเอทีฟไดเรกเตอร์ แบรนด์ อะแม (AIMER) กล่าวว่า “ความสำเร็จของ AIMER มาจากการที่เรามีภาพลักษณ์ที่ชัดเจนและแตกต่าง เราสร้างแบรนด์ที่เน้นความเรียบง่าย เท่ และเหนือกาลเวลา เราไม่ได้พยายามขายเสื้อผ้าให้ผู้หญิงทุกคน แต่เราตั้งใจสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดให้กับ ‘ผู้หญิงที่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร’ การยึดมั่นในแกนกลางของแบรนด์นี้เองที่ทำให้เราสามารถสร้างความแตกต่าง และทำให้ลูกค้าค้นพบคุณค่าที่แท้จริงในผลิตภัณฑ์ของเรา”

ในขณะที่ Session “New Wave T-Beauty: Against Giants, With Glow

T-Beauty รุ่นใหม่ ทำอย่างไรให้โดนลูกค้าชูส” เอมลินทร์  ธีรธนากิตติพงษ์ ประธานบริษัท ไอดีล แอนด์ มาเวลลัส เท็น จำกัด เจ้าของแบรนด์ La Glace ได้ให้แง่คิดว่า “สำหรับ La Glace เราเชื่อว่าการเป็นแบรนด์ที่ไม่หยุดนิ่ง คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ นอกจากคุณภาพสินค้าแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับการมอบ ‘ไลฟ์สไตล์’ และสร้างสถานะที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์นี้ เราจะยังคงยึดมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ รวมถึงการรับฟังเสียงของลูกค้า เพื่อรักษาฐานแฟนคลับและเติบโตอย่างยั่งยืน

และสปีกเกอร์คนสุดท้ายของ Main Stage คมสันต์ แซ่ลี ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง แฟลช กรุ๊ป ได้ตอบคำถามที่ว่าต้องเป็นผู้ประกอบการแบบไหนจึงจะอยู่รอด ว่า“ปีศาจของผมคือการไม่ยอมแพ้ คุณจะเป็นคนเดิมไม่ได้อีกต่อไป คุณต้องดึงเลือดของการเป็นผู้ประกอบการให้ได้มากที่สุด โลกเปลี่ยนไปแล้ว SMEs ก็ชนะแบรนด์ใหญ่ได้ ลองใช้แนวคิด ‘Small but Beautiful’ คือการโฟกัสกลุ่มนิชที่เซ็กซี่พอ แล้วค่อยขยายออกไปใช้โรงงาน OEM แทนการลงทุนหนักตั้งแต่วันแรก อีก 10 ปีข้างหน้าทุกอุตสาหกรรมจะถูกเทคโนโลยีแทรกซึม ผู้ประกอบการไทยต้องไม่ยอมแพ้ และเปลี่ยนตัวเองจริงจัง พร้อมเรียนรู้จากจีนแบบพาร์ตเนอร์ ไม่ใช่คู่แข่งอย่างเดียว”

ปฐมบทของโลกธุรกิจยุคใหม่

จบงานด้วย Closing Speech จากเคน นครินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และบรรณาธิการบริหาร บริษัท เดอะสแตนดาร์ด จำกัด “นี่คือช่วงปฐมบทของโลกใหม่ ที่กติกาทางธุรกิจกำลังเปลี่ยนไป ธุรกิจแบบเดิมที่เน้นแค่ตัวเลข กำไร ต้นทุน และมองคนเป็นแค่ฟันเฟือง กำลังจะถูกแทนที่ด้วยธุรกิจแบบใหม่ที่ ใช้ ‘หัวใจ’ คู่กับ ‘สมอง’ ฟังเสียงลูกค้าเล็ก ๆ สร้างทีมที่ไว้ใจ เติบโตไปด้วยกัน คิดเรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคม สร้าง Impact ที่เป็นบวก และเป็น Purpose-Driven Company

และที่สำคัญที่สุด คือ ปัญญาและการตื่นรู้ ซึ่งประกอบด้วย สติ สมาธิ ปัญญา และเมตตา เมื่อมีปัญญาถึงจุดสูงสุด อย่าลืม เมตตา เพราะในโลกทุนนิยมที่โหดร้าย การเปลี่ยนแปลงโลกไม่จำเป็นต้องฟาดฟันกัน แต่สามารถใช้เมตตาต่อลูกค้า คู่ค้า และแม้กระทั่งคู่แข่งได้ ดังคำกล่าวที่ว่า ‘In a gentle way you can shake the world’ เราสามารถใช้ ‘หัวใจ’ และวิธีที่อ่อนโยนในการเปลี่ยนแปลงโลกได้”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา