ตอนนี้รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า หรือ Fully-Electric Vehicle ต่างเป็นเป้าหมายในอนาคตของหลายค่าย แต่ไม่ใช่กับ Seat ที่เลือกติดตั้งแก๊ซธรรมชาติอัด หรือ CNG เข้าไปในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ซื้อ
CNG ยังมีพื้นที่ในตลาด เพราะดีเซลชะลอตัว
หลักๆ แล้วการเลือกซื้อรถเครื่องยนต์ดีเซลของผู้บริโภคจะมาจากปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่ถูกกว่า หรือไม่ก็อยากใช้รถที่ทนๆ ใช้งานได้นานๆ แต่เมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มลดลงเรื่อยๆ ประกอบกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ของเครื่องยนต์เบนซินก็ทำให้ใช้งานได้นานขึ้น นั่นเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลในรถยนต์ส่วนบุคคลต้องมีปัญหาแน่ๆ
Luca de Meo ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Seat ยอมรับว่า สถานการณ์ของรถยนต์เครื่องดีเซลนั้นไปได้ไม่ค่อยดีนัก โดยของทางค่ายเองก็มียอดขายลดลงอย่างชัดเจน จึงตัดสินใจผลิตรถยนต์ที่ใช้แก๊สธรรมชาติอัด หรือ CNG (Compressed-Natural-Gas) เพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากได้รถเครื่องยนต์ดีเซล
“ทุกครั้งที่ตัดสินใจอะไร Seat จะคิดถึงผู้บริโภคเป็นอย่างแรก และมองว่า CNG ก็เป็นทางเลือกที่ดีในขณะที่รถยนต์ดีเซลนั้นเริ่มได้รับความนิยมลดลง แต่ Seat ก็ยังจำหน่ายรถยนต์ดีเซลอยู่เหมือนเดิม ดังนั้นเครื่อง CNG จึงเป็นอีกทางเลือกของผู้บริโภคที่ต้องการใช้งานเครื่องยนต์ดีเซลมากกว่า”
ความจริงจังไม่เท่ากัน แถมยุโรปยังสนับสนุนลดมลพิษ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับค่ายรถยนต์ระดับพรีเมียมด้วยกัน Seat นั้นมีความจริงจังในการทำตลาดรถยนต์เครื่องดีเซลน้อยกว่าคู่แข่งเพราะค่อนข้างระมัดระวังการทำตลาดเครื่องยนต์ประเภทนี้ หลังกลุ่มยุโรปร่วมกันสนับสนุนให้ลดมลพิษ และมีการตรวจวัดเรื่องนี้อย่างเข้มงวด
เช่นกันกับ Lutz Meschke ประธานเจ้าหน้าที่การเงินของ Porche ที่บอกว่า เมื่อโลกกำลังเปลี่ยนไป ทางค่ายเองก็มีนโยบายเดินหน้ารถยนต์ Plug-in Hybrid และ Fully-Electric มากขึ้น และคงไม่ยึดติดอยู่แค่กับเครื่องยนต์ดีเซลที่จะเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคอีกต่อไป
สรุป
ความเห็นส่วนตัว คนที่จะซื้อเครื่องยนต์ดีเซล จะมีความต้องการเรื่องประหยัดค่าน้ำมันเอาไว้ก่อน เพราะราคามันถูกกว่า แต่ตอนนี้ราคาความแตกต่างของเบนซิน กับดีเซลก็ไม่ได้ต่างกันมากแล้ว แถมตอนนี้รถยนต์ Fully-Electric ก็มีราคาลดลงมาเรื่อยๆ ดังนั้นความต้องการของเครื่องดีเซลต้องลดลงแน่นอน
อ้างอิง // Reuters
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา