ขณะที่กลุ่ม The Mall ของไทยยังไม่มองเรื่อง E-Commerce แต่ฝั่งค้าปลีกในสหรัฐฯ นั้นวิกฤติมาก โดยล่าสุด Sears อดีตยักษ์ใหญ่ที่นั่น ก็ประกาศปิดสาขาอีก 63 แห่ง และเป็นการปิดสาขากว่า 1,000 แห่งภายใน 5 ปี
รัดเข็มขัด-ตัดเนื้อร้าย เพื่อฝ่าวิกฤตินี้
ด้วยรายได้ของ Sears Holdings Corp. นั้นลดลงราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบทุกไตรมาสเดียวกันระหว่างปีงบประมาณนี้กับปีก่อน ทำให้อดีตยักษ์ใหญ่ค้าปลีกในสหรัฐอเมริกาที่เคยมีสาขาถึง 2,019 สาขา เมื่อปี 2555 ต้องทยอยปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดประกาศปิดสาขาอีก 63 สาขาในสหรัฐอเมริกา โดยการทยอยปิดสาขาจะเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค. 2561 เนื่องจากต้องการมียอดขายในช่วงปลายปีก่อน และสาขาที่ปิดจะประกอบด้วยหน้าร้าน Kmart 45 สาขา และ Sears 18 สาขา ซึ่งในปี 2560 นั้น Sears ได้ปิดสาขาในสหรัฐฯ ไปทั้งหมด 330 สาขา
ขณะเดียวกันจากวิกฤติทางการเงินของ Sears ยังทำให้กลุ่ม Supplier ไม่เชื่อใจ และเมื่อเดือนก่อน (ก.ย. 2560) บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า Whirlpool ก็ประกาศไม่ส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายในค้าปลีกรายนี้แล้ว เพราะกังวลเรื่องการเงิน และแผนการพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับมาเติบโตเช่นเดิม
ทั้งนี้การทยอยปิดสาขาครั้งล่าสุดยังทำให้ Sears ปิดหน้าไปร้านราว 1,000 สาขา นับตั้งแต่ปี 2555 ที่เคยมีถึง 2,019 และเคยขึ้นเป็นกลุ่มห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาด้วย ที่สำคัญการทยอยปิดสาขายังทำให้ราคาหุ้นของลดลง 54% หากนับตั้งแต่ปีก่อน ส่วนรายได้ในไตรมาสล่าสุดของค้าปลีกรายนี้อยู่ที่ 4,365 ล้านดอลลาร์
อ้างอิง // Reuters
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา