SCG Packaging เดินหน้าพัฒนาวัสดุรีไซเคิลได้มากขึ้น ใช้กระดาษน้อยลง แต่แข็งแรงเท่าเดิม

วันนี้ บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP แถลงข่าวโชว์ศักยภาพผู้นำโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจรในอาเซียน ตอบโจทย์ทุกความต้องกรลูกค้าและผู้บริโภค อาจกล่าวได้ว่า SCG Packaging เป็นหนึ่งในผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ตั้งแต่กล่องกระดาษลูกฟูก กล่องพิมพ์เพื่อแสดงสินค้า ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว  

ที่ผ่านมา SCG Packaging มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลยุทธ์ดังนี้

หนึ่ง เน้นลูกค้ากลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และธุรกิจอาหารที่แม้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตน้อยลง แต่คนก็ยังต้องซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเหมือนเดิม รวมถึงธุรกิจ E-commerce ที่ตอนนี้ความนิยมการซื้อของออนไลน์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

สอง ใช้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง มองไกลกว่ากล่องกระดาษ บรรจุภัณฑ์ของ SCG Packaging เกิดจากการเรียนรู้ความต้องการของลูกค้า รู้ว่าปัญหาคืออะไร เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์แบบใหม่ๆ ให้ตรงใจลูกค้ามากที่สุด บรรจุภัณฑ์ของ SCG Packaging จึงไม่ได้มีแค่กล่องกระดาษเท่านั้น

แต่ก่อนถ้าพูดถึงบรรจุภัณฑ์ คนจะมองว่าบรรจุภัณฑ์ทำหน้าที่เพียงการป้องกันสินค้าที่อยู่ข้างในเท่านั้น แต่ SCG Packaging มองว่าบรรจุภัณฑ์ยังมีหน้าที่อื่นๆ อีก เรียกว่า 4P

  • P1 = Protect หรือป้องกันสิ่งของที่อยู่ภายใน เป็นหน้าที่แบบเดิมๆ ส่งของไปถึงลูกค้าในสภาพสมบูรณ์ ไม่แตกเสียหาย 
  • P2 = Promote บรรจุภัณฑ์ต้องสวย ดึงดูดให้คนเลือกซื้อสินค้าเมื่ออยู่บนชั้นวาง เป็นเหมือนคนขายเคลื่อนที่ เพราะบางทีลูกค้าอาจเลือกของจากสิ่งที่เห็นภายนอก เช่น หลอดยาสีฟัน ที่มีอยู่หลายยี้ห้อ นอกจากความแข็งแรงของกล่อง ต้องดูความสวยสะดุดตาด้วย

  • P3 = Preserve ต้องรักษาอาหารที่อยู่ข้างในให้คงสภาพได้นานที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีการใช้ Polymer เป็นวัสดุหลัก ทำให้เก็บรักษาได้ 45 – 60 วัน โดยไม่เน่าเสีย อย่างเช่นมะพร้าวที่ส่งออกไปต่างประเทศ อยู่ได้นานหนึ่งเดือนครึ่ง เมื่อใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจาก Polymer ทำให้เก็บรักษาได้นานขึ้นโดยไม่เสียรสชาติ
  • P4 = Perform บรรจุภัณฑ์ต้องทันสมัยเป็น Smart Packaging ตรวจสอบสถานะผ่าน Qr Code บนบรรจุภัณฑ์ได้ เช่น วันผลิต วันหมดอายุ และสถานที่ผลิตสินค้า

เราจึงเห็นบรรจุภัณฑ์หลายรูปแบบที่เกิดจากการออกแบบของ SCG Packaging เช่น หลอดนมข้นหวานแบบบีบ กล่องใส่ส้ม กล่องขนม หรือแม้แต่กล่องกระดาษโชว์สินค้าตามร้านค้า

แม้ว่านวัตกรรมที่นำมาใส่ในบรรจุภัณฑ์ของ SCG Packaging จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่เป็นการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าหันมาเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ของ SCG Packaging มากขึ้น ลูกค้าของเรามีมากกว่า 4,000 ราย และเรายังสามารถทำบรรจุภัณฑ์ให้ได้ แม้ว่าจะสั่งให้ทำเพียงแค่ชิ้นเดียว

สินค้าของ Scoth ที่มีลักษณะเป็นประภาคารคือ Floor Display ทาง SCG ระบุว่า ทำให้เพื่อจัดแสดงสินค้าได้ แม้ชิ้นเดียวก็สามารถสั่งทำได้

สาม ควบรวมกิจการและร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในภูมิภาค (Mergers & acquisitions: M&A)ด้วยเงินลงทุนกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดที่มีการเติบโต

ในปัจจุบัน SCG Packaging มีโรงงานกว่า 40 แห่ง ใน 5 ประเทศอาเซียน และกำลังลงทุนเพิ่ม ดังนี้ 

  • เวียดนาม มูลค่าการลงทุน 600 ล้านบาท
  • ฟิลิปปินส์ มูลค่าการลงทุน 5,200 ล้านบาท เป็นการเพิ่มเครื่องจักร กำลังการผลิตรวมกว่า 2.2 แสนตันต่อปี
  • อินโดนีเซีย มูลค่าการลงทุน 1,800 ล้านบาท กำลังการผลิตรวม 4 แสนตันต่อปี

สี่ ลงทุนพัฒนานวัตกรรมแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสินค้าบรรจุภัณฑ์กว่า 120,000 รายการ ทั้งกล่องลูกฟูก กล่องพิมพ์สีแสดงสินค้า บรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว บรรจุภัณฑ์แบบคงรูป และกระดาษบรรจุภัณฑ์ ช่วยสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง

ห้า เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและห่วงโซ่อุปทาน ด้วยการใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ และเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเกี่ยวข้องกับการผลิต

หก เป็นต้นแบบสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

บรรจุภัณฑ์ของ SCG Packaging ใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) นำทรัพยากรธรรมชาติกลับมาใช้ใหม่ให้มากที่สุด เป็นวัสดุที่รีไซเคิลได้กว่า 95% มีเพียงบรรจุภัณฑ์ที่ต้องสัมผัสกับอาหารโดยตรงเท่านั้นที่ไม่สามารถใช้วัสดุรีไซเคิลได้ รวมถึงการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บรรจุภัณฑ์บางแบบใช้เนื้อกระดาษลดลงถึง 30% แต่ยังคงความแข็งแรงเหมือนเดิม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา