ด่วน SCBX ปิดดีลไม่เกิน 2 พันล้าน ขาย Robinhood ให้กลุ่ม ‘ยิบอินซอย’ และพาร์ทเนอร์

ปิดดีลมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 2,000 ล้านบาท SCBX ส่งต่อ ‘Robinhood’ ให้กลุ่ม ‘ยินอินซอย’ ร่วมด้วย Brooker Group + SCT Rental Car + LOXBIT สานต่อเจตนารมณ์

เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา SCBX หรือ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นทั้งหมดของ ‘บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด’ เจ้าของแอปพลิเคชัน Robinhood ให้กับกลุ่มผู้ลงทุน นำโดย กลุ่มยิบอินซอย ตามด้วย Brooker Group + SCT Rental Car + LOXBIT

โดยรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ลงทุนแต่ละบริษัท ได้แก่

  • กลุ่มยิบอินซอย : บริษัทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร เทคโนโลยีระดับสูงด้านวิศวกรรม เทคโนโลยีด้านพลังงานและการเกษตร อายุเกือบ 100 ปี
  • กลุ่ม Brooker Group : บริษัทที่ปรึกษาด้านการเงินและการลงทุน หนึ่งในบริษัทที่ถือครองทรัพย์สินดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • กลุ่ม SCT Rental Car : บริษัทด้านธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์สำหรับใช้งานส่วนบุคคลและเชิงพาณิชย์
  • กลุ่ม LOXBIT : บริษัทผู้ให้บริการไอทีโซลูชั่น สินเชื่อดิจิทัลครบวงจรในเครือ Loxlay

มูลค่าการซื้อขายคิดเป็นมูลค่ารวมสูงสุด 2,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
– มูลค่าเบื้องต้นชำระทันที 400 ล้านบาท
– ส่วนเพิ่มตามผลประกอบการสูงสุดไม่เกิน 1,600 ล้านบาท

โดย SCBX ระบุว่า การซื้อขายในครั้งนี้อยู่ภายใต้เจตนารมณ์ที่ยังคงต้องการให้แอปพลิเคชัน Robinhood เป็นแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีที่พัฒนาโดยคนไทยเพื่อคนไทยที่สามารถแข่งขัน พร้อมดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

ในรายละเอียด ‘อาทิตย์ นันทวิทยา’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCBX กล่าวว่า “Robinhood เริ่มต้นธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นให้ประเทศเราได้มีแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทย เพื่อช่วยผู้ประกอบการร้านอาหารให้สามารถทำธุรกิจต่อไปได้และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้บริโภคนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา

เมื่อถึงเวลาที่กลุ่ม SCBX ต้องตัดสินใจส่งต่อธุรกิจ Robinhood ไปยังกลุ่มผู้ลงทุนรายต่อไป หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เราใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาผู้ที่สนใจซื้อกิจการ คือ ต้องเป็นกลุ่มธุรกิจสัญชาติไทย ที่มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้ Robinhood เป็นแพลตฟอร์มของคนไทยเพื่อคนไทยที่มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

กลุ่มผู้ลงทุนนำโดยกลุ่มยิบอินซอยมีความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญในเรื่องของโซลูชันเทคโนโลยีแบบครบวงจร แต่ที่สำคัญยังมีเจตนารมณ์ที่จะนำพา Robinhood ให้อยู่คู่กับสังคมไทยต่อไป เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งผู้บริโภค ร้านค้า และไรเดอร์ส่งอาหาร”

ด้าน ‘มรกต ยิบอินซอย’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยิบอินซอย จำกัด กล่าวว่า “เราเล็งเห็นถึงศักยภาพในการให้บริการส่งอาหารของแพลตฟอร์ม Robinhood ที่มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง มีคุณภาพ บริการไรเดอร์สุภาพและรวดเร็ว ประเภทร้านค้าหลากหลาย นอกจากร้านชื่อดังชั้นนำ ยังมีร้านที่มีลักษณะเฉพาะตัวที่น่าสนใจ

เรามองว่าปัจจัยเหล่านี้ประกอบกับการเป็นแพลตฟอร์มสัญชาติไทยที่มีรากฐานที่ดี จึงเป็นโอกาสที่ดีของกลุ่มผู้ลงทุนยิบอินซอยที่จะพัฒนาธุรกิจเพื่อต่อยอดให้ Robinhood มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มีความสามารถที่จะแข่งขันที่ดียิ่งขึ้น พร้อมสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจอย่างมีส่วนร่วม (inclusive growth) ให้เกิดขึ้นในระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง และยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนกับร้านค้าและเศรษฐกิจของประเทศไว้ด้วยกัน”

SCBX ระบุไว้ในข่าวว่า ลูกค้ายังคงสามารถใช้งานแอปพลิเคชัน Robinhood ได้อย่างต่อเนื่องต่อไปตามปกติ

ทั้งนี้ หากย้อนมาดูรายงานของ Momentum Works ระบุว่า ในปี 2023 Robinhood มีส่วนแบ่งในตลาด Food Delivery ประเทศไทยราว 3% ลดลงจาก 6% ในปีก่อนหน้า ทำให้ Shopee Food ที่เติบโตต่อเนื่องแซง Robinhood ขึ้นไปมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ในอันดับ 4 แทน

*Disclaimer : Brand Inside เป็นบริษัทในเครือ LINE MAN Wongnai

ข่าวเกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา