บล.ไทยพาณิชย์ ชี้เป้า 5 หุ้นเด่นไตรมาส 4 เน้นหุ้นใหญ่ สภาพคล่องสูง และปลอดภัย

มอง 5 หุ้นเด่นไตรมาส 4 จากบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด โดยไตรมาสนี้จะเน้นไปที่ หุ้นใหญ่ สภาพคล่องสูง และปลอดภัย รวมไปถึงเน้นการบริโภคในไทย

สุกิจ อุดมศิริกุล
สุกิจ อุดมศิริกุล – กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด

สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า ความตึงเครียดทางด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ลดระดับความรุนแรงลงและท่าทีผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกทำให้บรรยากาศการลงทุนนั้นปรับตัวดีขึ้น

สำหรับเศรษฐกิจไทยนั้น สุกิจ มองว่า ยังมีมุมมองเชิงบวกสำหรับปี 2563 แม้ความเสี่ยงระดับมหภาคยังคงมีอยู่ แต่คาดว่า GDP จะขยายตัวได้เล็กน้อย และผลประกอบการของภาคธุรกิจจะฟื้นตัวในครึ่งปีแรกของปี 2563 โดยได้รับการสนับสนุนจากการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้น การใช้จ่ายภายในประเทศ และการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนที่เร่งตัวขึ้น

ขณะที่การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของเครื่องชี้เศรษฐกิจหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว หรือเรียกว่า Inverted Yield Curve ซึ่งบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันอ่อนแอกว่าเมื่อครั้งในปี 2543 และปี 2549 นั้น สุกิจมองว่าธนาคารกลางสหรัฐสามารถรับมือเรื่องนี้ได้เร็ว โดยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 5 ครั้งนับจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2563

ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังคงขยายตัวจนถึงปี 2563 แต่จะปรับตัวแย่ลงในปี 2564 และเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2565 เชื่อว่าการลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟดและสงครามการค้าที่ลดระดับความร้อนแรงลงอาจจะทำให้แนวโน้มดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไป

นอกจากนี้ สุกิจ ยังมองว่ามีความเป็นไปได้ 55% ที่จะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ จากมาตรการกระตุ้นและการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางอาจจะช่วยสนับสนุนให้ภาวะการเงินปรับตัวดีขึ้น สภาพคล่องและบรรยากาศ risk-on มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หากสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนลดความร้อนแรงลงจะช่วยให้ sentiment ระยะสั้นสดใสขึ้น และคาดว่าความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงจะเพิ่มขึ้นด้วย

Stock Exchange Thailand Streaming
ภาพจาก Shutterstock

สุกิจยังเชื่อว่าเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงเวลาที่ดีในการสับเปลี่ยนกลุ่มลงทุน ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 4 ปีนี้จะยังคงเน้นไปที่หุ้นขนาดใหญ่ สภาพคล่องสูง และปลอดภัย โดยชอบหุ้นที่เน้นการบริโภคในประเทศ (Domestic Play) ที่มีโมเมนตัมการเติบโตของกำไรสนับสนุน และหุ้นที่มี story เกี่ยวกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องจนถึงปีหน้า โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ชอบ คือ นิคมอุตสาหกรรม กลุ่มการแพทย์ กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มขนส่ง

สำหรับหุ้นเด่นที่ SCBS เลือกมานั้นประกอบไปด้วย

นิคมอุตสาหกรรม

  • WHA มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากมาตรการกระตุ้นการลงทุนของรัฐบาลซึ่งจะช่วยผลักดันให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของ e-commerce ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ความต้องการคลังสินค้าโลจิสติกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน คาดว่ายอดขายที่ดินของ WHA จะเติบโตเฉลี่ย 22% ในระยะ 3 ปีข้างหน้า และมียอด pre-lease อสังหาริมทรัพย์ให้เช่า 200,000 ตรม.ต่อปี นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากโอกาสเติบโตของธุรกิจสาธารณูปโภคและผลประกอบการไตรมาส 4/2562 ที่แข็งแกร่ง ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในระยะสั้น

กลุ่มการแพทย์

  • BCH เป็นหุ้นเด่นอันดับ 1 ในกลุ่มการแพทย์ เนื่องจากผลตอบแทนดูน่าดึงดูดเมื่อเทียบกับความเสี่ยง ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 6% นับตั้งแต่ต้นปีซึ่งแย่กว่า SET Index ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% เพราะถูกฉุดรั้งโดยผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของ World Medical Hospital (WMC) อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากำไรของ BCH ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้และเติบโต 16% ในปี 2563 โดยได้รับการสนับสนุนจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงพยาบาลที่ได้รับการปรับปรุงและผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวดีขึ้น

กลุ่มพาณิชย์

  • GLOBAL ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งในครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจาก การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่มีอัตราเติบโตเป็นบวกในไตรมาส 3 ของปีนี้ และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง อัตรากำไรจะลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่จะลดลงในอัตราที่น้อยกว่าครึ่งปีแรกของปีนี้ หากบริษัทปรับสินค้าคงคลังเสร็จในปลายไตรมาส 3/2562 – ต้นไตรมาส 4/2562 คาดว่ากำไรของบริษัทจะทำจุดต่ำสุดในไตรมาส 3 จากนั้นจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 และฟื้นตัวในปี 2563 โดยได้รับการสนับสนุนจากอัตรากำไรที่ดีขึ้น GLOBAL เป็นหุ้น laggard มากที่สุดของกลุ่มพาณิชย์ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เล็งเห็นโอกาสเข้าซื้อสะสมก่อนที่กำไรจะฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/2562 เป็นต้นไป
  • CPALL มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีกว่าตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากกำไรครึ่งปีหลังของปีนี้ ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่แข็งแกร่ง ซึ่ง การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมมีอัตราเติบโตเป็นบวก และอัตรากำไรเพิ่มขึ้น ขณะที่กำไรที่ดีขึ้นจากธุรกิจเคาน์เตอร์เซอร์วิส เช่น การชำระบิล และบริการ banking agent ที่ขยายตัว ขณะที่ธุรกิจ cash & carry ได้ประโยชน์จากราคาอาหารในประเทศปรับตัวขึ้น รวมไปถึงการขยายสาขาร้าน 7-Eleven ในกัมพูชาและลาวจะช่วยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว

กลุ่มขนส่ง

  • BTS การเจรจาต่อสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวมีความคืบหน้าที่ดี ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้ราคาหุ้น ปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ยังมี upside เพิ่มเติมจากโครงการมอเตอร์เวย์สองสายและสนามบินอู่ตะเภา

อย่างไรก็ดีสุกิจแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และยานยนต์ โดยมีสาเหตุมาจากเงินบาทแข็งค่าและความต้องการซื้อชะลอตัว

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Content Writer ที่สนใจในเรื่องของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ กลุ่ม TMT (Technology, Media, Telecom) การควบรวมกิจการ (M&A) นโยบายทางเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อยทางธุรกิจที่น่าสนใจ