“ธนาคารอยู่ทุกที่ ที่ไม่ใช่ธนาคาร” หนึ่งในคำพูดติดปากของ ธนา เธียรอัจฉริยะ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส Chief Marketing Officer ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
วันนี้ (3 พฤษภาคม 2018) เขาย้ำประโยคนี้อีกครั้งในวงสัมภาษณ์กลุ่มย่อยร่วมกับ นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายขายและสื่อโฆษณา LINE ประเทศไทย เพื่อตอกย้ำสิ่งที่ SCB กำลังทำอยู่ในปัจจุบันบนแพลตฟอร์ม LINE นั่นก็คือ SCB Connect ที่ถือเป็นหนึ่งในโซลูชั่นธุรกิจของ LINE ที่เรียกว่า LINE Business Connect
- อธิบายง่ายๆ ก็คือ SCB Connect ทำให้ธนาคารอยู่ในมือของผู้บริโภคทุกที่ทุกเวลา ไม่ใช่แค่สาขาอีกต่อไป เพราะ SCB Connect เป็นแอคเคาท์หนึ่งบนแพลตฟอร์ม LINE ที่เข้ามาช่วยจัดการข้อมูลให้กับลูกค้า
- ที่ฮิตที่สุด SCB บอกว่าคือ การแจ้งยอดเงินผ่าน LINE โดยตรง ไม่ต้องทำผ่าน SMS เหมือนในอดีต ในส่วนนี้ถือว่าได้ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะไม่ใช่แค่ธนาคารที่ได้ลดต้นทุนในการจัดการ ด้านของผู้ใช้งานก็สามารถเช็คยอดเงินได้ตลอดเวลา ตอบโจทย์ความสะดวกและไลฟ์สไตล์
ยอดใช้งาน SCB Connect บน LINE เติบโตสูง
ธนา ระบุว่า SCB Connect บน LINE ปัจจุบันมียอดผู้ใช้งาน 2.2 ล้านราย พร้อมทั้งบอกว่า “SCB Connect น่าจะเป็นตัวที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในแง่ usage … สูงกว่า SCB EASY เสียอีก”
แม้ว่าในปัจจุบัน SCB EASY จะมีฐานผู้ใช้งานมากถึง 6.7 ล้านราย พร้อมทั้งตั้งเป้าให้ถึง 10 ล้านรายภายในปีนี้ แต่ด้วยศักยภาพของ SCB Connect ในปัจจุบัน ธนา คาดการณ์ว่า ถึงที่สุดแล้ว ยอดผู้ใช้งานแอคเคาท์ SCB Connect บน LINE จะสูงถึง 10 ล้านรายได้เช่นเดียวกัน แต่สำหรับสิ้นปีนี้ ตั้งเป้าไว้ว่า SCB Connect จะทำยอดผู้ใช้งานได้ถึง 5 ล้านราย
- SCB Connect มีผู้เข้ามาใช้งานเฉลี่ยวันละ 2 แสนราย ส่วนยอดผู้สมัครเข้าใช้งานต่อวันอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นราย
ใช้ LINE เป็นช่องทางเพื่อดึงเข้าสู่ SCB EASY
แม้จะบอกว่า ยอดใช้งานใน SCB Connect เติบโตสูงมาก แต่ในท้ายที่สุดแล้ว SCB ต้องการดึงให้ลูกค้าเข้ามาใช้งาน SCB EASY เพราะเป็นแอพพลิเคชั่นของตนเอง
ธนา บอกว่า ยังมีอีกหลายคนที่ไม่กล้าเข้ามาใช้งานแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับการเงิน ด้วยเพราะว่าเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ แต่การใช้ LINE ถือเป็นช่องทางแรกที่ดี เพราะการทำงานของ SCB Connect ใน LINE เป็นเพียงการแจ้งข้อมูล และเมื่อลูกค้าเชื่อมั่น การใช้งาน SCB EASY จะตามมาในที่สุด
ธนาคารต้องทำตัวให้มีประโยชน์ ลูกค้าจะรัก
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจของ SCB Connect คือการมีอัตรา Block Rate ที่ต่ำมาก อยู่ที่ไม่เกิน 10% ในขณะที่แอคเคาท์ของแบรนด์อื่นๆ ใน LINE (ยืนยันข้อมูลโดย LINE ประเทศไทย) ค่าเฉลี่ยของอัตรา Block Rate อยู่ที่ประมาณ 30-50% ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานทำการเพิ่ม LINE Official Account ของแบรนด์นั้นๆ เพราะต้องการเอาสติกเกอร์มาใช้งาน และหลังจากนั้นเมื่อได้สติกเกอร์มาแล้ว ก็ลบแอคเคาท์นั้นๆ ทิ้งไป
สำหรับ ธนา เขาบอกว่า ความสำเร็จตรงนี้มาจากการทำตัวให้เป็นประโยชน์ ธุรกิจใดๆ ก็ตาม เราต้องเรียนรู้ว่าการขายของตั้งแต่แรกเริ่มไม่ใช่ความคิดที่ดี เพราะลูกค้าในยุคนี้ไม่ได้ต้องการแบบนั้น หัวใจสำคัญคือการทำตัวให้เป็นประโยชน์ แล้วลูกค้าจะรักเอง เช่น อยากรู้ว่ายอดเงินในบัญชีเหลือเท่าไหร่ เข้ามาเช็คใน LINE ได้ฟรี เป็นต้น
ถ้านึกภาพไม่ออก ลองดูภาพยนตร์โฆษณาสั้นๆ ของ SCB Connect ด้านล่างนี้
SCB มอง SCB Connect คือปัจจัยสำคัญเพื่อต่อยอดธุรกิจใหม่ในอนาคต
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ปัจจุบันนี้ธนาคารต่างๆ ได้เลิกหารายได้จากค่าธรรมเนียมกันไปแล้ว เพราะฉะนั้น ก้าวต่อไปของธนาคารจึงต้องเป็นการทำธุรกิจใหม่ ซึ่งคีย์หลักของเรื่องนี้คือ “ข้อมูล”
ธุรกิจใหม่ที่ธนาคารต้องลงไปเล่นคือการจัดการข้อมูลของลูกค้า และที่สำคัญธุรกิจใหม่จะสอดคล้องกับการลดต้นทุนของธนาคารในอนาคต เพราะการทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ จ่ายบิลผ่านออนไลน์ หรือบริการสินเชื่อออนไลน์ จะทำให้ SCB สามารถลดสาขาบางแห่งได้
ธนา ให้ข้อมูลว่า “การกู้ยืมเงินในรูปแบบออนไลน์ จะทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกที่สะดวกใจมากกว่าต้องเดินไปกู้เงินที่สาขา”
อย่างไรก็ตาม แผนของ SCB ในปี 2018 คือการลดสาขานอกห้างประมาณ 200 แห่ง จากสาขาทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 1,100 สาขาทั่วประเทศ
LINE ประเทศไทยมองการเติบโตของ LINE Business Connect ปีนี้จะแรงมาก
นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายขายและสื่อโฆษณา LINE ประเทศไทย บอกว่า SCB Connect คือตัวอย่างของ LINE Business Connect ที่ประสบความสำเร็จ เพราะมียอดผู้ใช้งานเติบโตสูงถึง 2 ล้านราย และมียอด Block Rate ต่ำที่สุดในตลาด (เมื่อเทียบกับแอคเคาท์ที่มีฐานผู้ใช้งานในระดับเดียวกัน)
สำหรับ LINE Business Connect นรสิทธิ์ มองว่า ในปีนี้จะมีธุรกิจอีกหลายแบรนด์เข้ามาใช้งานอีกจำนวนมาก ในปัจจุบันมีแบรนด์ที่เป็น Official Account อยู่ประมาณ 200 กว่าแบรนด์ โดยในจำนวนนี้ 34% ได้เข้ามาใช้ LINE Business Connect แล้ว ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะเติบโตขึ้นสูงถึง 50% เพราะแต่ละแบรนด์เริ่มมองเห็นแล้วว่า การเข้ามาใช้โซลูชั่นนี้จะประสบความสำเร็จได้อย่างไร
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา