ไทยพาณิชย์ หรือ SCB เน้นเรื่องธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) แบบเข้มข้นชัดเจนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเห็นว่านี่เป็นหนึ่งในธุรกิจที่สำคัญของธนาคาร และมองว่า การบริหารความมั่งคั่งไม่ควรถูกจำกัดอยู่กับคนที่มีความมั่งคั่ง แต่ทุกคนควรสามารถเข้าถึงได้ เพื่อสร้างโอกาสในการลงทุนและเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยมี SCB WEALTH เป็นผู้ช่วยอยู่เคียงข้าง
สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยแนวคิด “Your Success. Our Success.”
กฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ SCB บอกว่า ข้อมูลภาพรวมธุรกิจ Wealth Management ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 6% และคาดการณ์ว่าในปี 2571 ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในไทยจะมีสินทรัพย์มากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ SCB มองเห็นโอกาสและตั้งเป้าหมายที่จะช่วยวางแผนทางการเงินให้กับลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบและครบวงจร แน่นอนว่านี่คือธุรกิจที่จะสร้างการเติบโตให้กับธนาคารได้ ขณะเดียวกันก็สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับลูกค้าเช่นกัน ตรงกับแนวคิด Your Success. Our Success. ความสำเร็จของคุณ คือความสำเร็จของเรา
โดยปี 2567 มีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ทุกด้าน สะท้อนถึงการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในการจัดการส่วนของการลงทุน Asset Under Advisory (AUA)ที่เพิ่มขึ้น 10% ยอดสินเชื่อธุรกิจกลุ่มลูกค้าเวลธ์ (Wealth Lending) และการมอบโซลูชันการดูแลบริหารจัดการ การลงทุน ความคุ้มครอง ผ่านช่องทางธนาคาร ที่ยังคงครองอันดับ 1 และสร้างความมั่นใจและผลตอบแทนที่โดดเด่นให้กับลูกค้าด้วยยอดขายอันดับ 1 ในผลิตภัณฑ์หุ้นกู้อนุพันธ์แฝง (Structured Products) 4 ปีซ้อน พร้อม 10 รางวัลการันตีจากสถาบันระดับโลก
ส่วนที่สำคัญอีกประการคือ การนำเทคโลยีดิจิทัลและ AI มาให้บริการ Wealth Management เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงที่มากขึ้น ผ่าน SCB WEALTH LINE OA, บริการ AI Advisory Chatbot, WEALTH4U และ MY ALERT พร้อมกับการผสานศักยภาพกับบริษัทภายใต้กลุ่ม SCBX อาทิ บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM), บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) บล. ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด (SCB Julius Baer) และพันธมิตรชั้นนำระดับโลกกว่า 30 ราย เข้ากับขีดความสามารถในการให้คำปรึกษา (Advisory Capability) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการนำเสนอโซลูชันบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า SCB WEALTH
ตั้งเป้าหมายก้าวสู่อันดับ 1 ภายในปี 2569
SCB WEALTH ตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนจะต้องขึ้นเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจ Wealth Management ภายในปี 2569 ซึ่งการวัดผล จะวัดจาก 3 ส่วนหลัก ได้แก่
- การได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในการบริหารจัดการในส่วนของการลงทุน Asset Under Advisory เติบโต Double Digit
- Net Promoter Score (NPS) เป็นการวัดความพึงพอใจของลูกค้าต่อการให้บริการ Wealth Management ของ SCB WEALTH ซึ่งจะมีตัวชี้วัดที่ได้มาตรฐาน และ 3. Sustainable Portfolio Growth การบริหารภาพรวมพอร์ตโฟลิโอให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการนำเสนอโซลูชันบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร
SCB WEALTH ได้ศึกษา Insight ของลูกค้าพบว่า สิ่งที่ลูกค้าต้องการคือ ความจริงใจ ไม่เน้นขายผลิตภัณฑ์เพื่อทำยอด แต่แนะนำตามเป้าหมายของลูกค้า, ความเชี่ยวชาญ ให้คำปรึกษาแบบมืออาชีพ ดูแลความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน, ครบรอบด้าน ใช้เครื่องมือและเครือข่ายเพื่อสร้างประสบการณ์อย่างไร้รอยต่อให้ลูกค้า และ ใส่ใจ เข้าใจความต้องการมากกว่าแค่เรื่องเงินและดูแลลูกค้าในทุกช่วงชีวิต
บริการทั้งหมดจะนำเสนอให้กับลูกค้า SCB Wealth จำนวนกว่า 500,000 ราย ทั้งกลุ่ม SCB PRIME, SCB FIRST และ SCB PRIVATE BANKING ทั้งเป้าหมายชีวิตและเป้าหมายด้านการลงทุน ผ่านการดูแลทั้ง Digital-led Advisory, Hybrid Advisory และ High Touch Advisory
3 หัวใจหลักในการสร้างความสำเร็จ
SCB WEALTH นำเสนอโซลูชันด้านการบริหารความมั่งคั่งแบบองค์รวมโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Holistic and Customer-Centric Wealth Management Solution) โดยจะทำงานภายใต้ 3 แกนสำคัญ ได้แก่
Customer Centricity เข้าใจทุกความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงชีวิตอย่างลึกซึ้ง และยึดผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง กับ 3 แนวคิดใหม่
- No Gain, No Pay ไม่เก็บค่าธรรมเนียมหากมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ถึงเป้าหมาย สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ No Gain, No Pay. ซึ่งหลังจากเปิดตัวเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีจนสามารถบรรลุเป้าหมายภายที่วางไว้ภายใน 1 เดือน 13 วัน จากที่ตั้งเป้าที่ 8 เดือน
- Capital Protected Fund การลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ ลดการขาดทุนเงินต้น พร้อมผลตอบแทนที่สูงกว่าการเงินทั่วไป ด้วยยอดขายตั้งแต่ปี 2567 จนถึงปัจจุบัน กว่า 1 แสนล้านบาท
- Innovative Holistic Advisory Solution ออกแบบโซลูชันการบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลในทุกมิติ เช่น การต่อยอดทางการเงิน การดูแลบริหารจัดการ ความคุ้มครอง รวมถึงการส่งต่อความมั่งคั่ง
Hyper-Personalization ตอบโจทย์ทุกความต้องการ เพื่อคุณโดยเฉพาะ ผสานศักยภาพของผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีดิจิตัล AI ในการดูแลอย่างตรงใจและไร้รอยต่อในทุกมิติ
Go Global ทุกที่ที่มีโอกาส เราให้คุณไปถึงได้ทั่วโลก เปิดโลกการลงทุนสู่ตลาดโลกจากทีมผู้เชี่ยวชาญของ SCB WEALTH กับพันธมิตร อาทิ SCB Julius Baer และล่าสุด BlackRock ผู้นำทางการลงทุนระดับโลก ในการนำเสนอโซลูชันด้านการลงทุนสำหรับลูกค้าไทยพาณิชย์โดยเฉพาะซึ่งจะมีความหลากหลายทั้งสินทรัพย์ดั้งเดิม และสินทรัพย์ทางเลือก
จาก 3 แกนหลัก SCB WEALTH มั่นใจว่าจะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ด้าน Wealth Management ได้ภายในปี 2569 พร้อมกับตั้งเป้าการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในการบริหารจัดการในส่วนของการลงทุน Asset Under Advisory เติบโต Double Digit จากสินทรัพย์การลงทุนภายใต้ธีม Customer Centricity เติบโตกว่า 2 เท่า จากปัจจุบันที่ 70,000 ล้านบาท มีลูกค้า Active ด้านการลงทุนผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มกว่า 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 15% เท่ากับว่าต้องเติบโตขึ้น 2 เท่า และมีสินทรัพย์การลงทุนภายใต้ธีม Go Global เติบโตกว่า 180,000 ล้านบาท โดยที่สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และรักษาผลตอบแทนสะสมที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าเหนือกว่าตลาดอย่างต่อเนื่อง
การบริหารความมั่งคั่งที่ทุกคนเข้าถึงได้
กฤษณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ด้วยทิศทางการทำงานและเป้าหมายด้าน Wealth Management เชื่อว่าจะช่วยสร้างคำจำกัดใหม่ให้การบริหารความมั่งคั่งเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เพื่อเปิดรับการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ อย่างที่กล่าวตั้งแต่ต้นว่า ไม่ได้เป็นสิ่งที่จำกัดอยู่กับคนที่มีความมั่งคั่งเท่านั้น และองค์ประกอบสำคัญคือ เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ที่จะช่วยขับเคลื่อน
ยิ่งกว่านั้น การบริหารความมั่งคั่งจะไม่จำกัดอยู่เพียงแค่การลงทุน แต่จะต้องมองเป็นภาพรวมตั้งแต่การเตรียมความพร้อม การได้รับคำแนะนำคำปรึกษาที่เหมาะสม เพื่อนำไปสู่การสร้างผลตอบแทนที่ตรงกับความต้องการ และสามารถส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไปได้ ทั้งหมดคือการสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืนให้กับคนไทยในระยะยาวอย่างแท้จริง
คำเตือน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา