SCB Julius Baer ซึ่งเป็นธุรกิจบริหารความมั่งคั่งให้กับลูกค้าความมั่งคั่งสูงซึ่งมีสินทรัพย์เริ่มต้นที่ 100 ล้านบาท ได้ชูโมเดล 3 ข้อเพื่อมัดใจลูกค้า ขณะที่แผนการ 5 ปีตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดให้ได้ หลังจากเปิดตัวในปี 2019
ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ (SCB Julius Baer) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ Julius Baer ได้ชู 3 โมเดลดูแลลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในเมืองไทย ขณะเดียวกันยังได้เปิดตัวสำนักงานแห่งแรกใจกลางกรุงเทพบนถนนสุขุมวิทที่ได้ไอเดียมาจากธนาคารไทยพาณิชย์สาขาตลาดน้
ลลิตภัทร ธรณวิกรัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด ได้กล่าวถึงสภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวมๆ ว่าหลังจากช่วง COVID-19 เศรษฐกิจโลกเองนั้นอาจต้องใช้เวลาฟื้นตัวยืดไปถึงช่วงครึ่งปีหลังของปี 2020 เป็นต้นไป ตัวเลขทางเศรษฐกิจในช่วงเดือนกรกฎาคมยืนยันว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวบ้างแล้ว ขณะที่เศรษฐกิจโลกคาดว่า GDP ในปีหน้าจะเติบโตถึง 6.5%
มุมมองการลงทุน ลลิตภัทร ยังชี้ว่าหุ้นยังให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเน้นไปที่สหรัฐอเมริกากับจีนเป็นหลัก เธอได้ชี้ว่าการลงทุนในจีนเหมือนเป็นการบาลานซ์พอร์ตการลงทุน ขณะที่พอร์ตการลงทุนที่ SCB Julius Baer แนะนำคือ ตราสารหนี้ 40% หุ้น 51% สินทรัพย์อื่นๆ (ทองคำ ฯลฯ) 4% เงินสด 5%
สำหรับธีมการลงทุนที่ SCB Julius Baer แนะนำนั้นอยู่ในธีมของ Next Generation เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลียนไป เช่น การส่งอาหาร อุตสากรรม E-commerce รวมไปถึงความบันเทิงต่างๆ ที่ย้ายมาอยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้น ขณะที่อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ให้หลีกเลี่ยงช่วงนี้คือท่องเที่ยว เนื่องจากฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด
สำหรับแผนการดูแลลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงของไทยนั้นทาง SCB Julius Baer ได้ชู 3 ข้อใหญ่ๆ ได้แก่
- Expert Advisory ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่มีความรู้ความสามารถ เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ รวมถึงบริการอันหลากหลายและความสามารถด้านการบริหารความมั่งคั่งมาตรฐานระดับโลกของ Julius Baer
- Seamless Access การให้บริการผ่าน Open Product Platform ที่มาพร้อมผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถลงทุนได้ทั่วโลกอย่างอิสระ และสามารถกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุด ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย
- Personal Touch บริการที่เข้าใจกลุ่มลูกค้าคนไทยอย่างแท้จริง ด้วย Relationship Manager คนไทยที่มีความรู้ ความเข้าใจตลาดเมืองไทย เข้าใจความต้องการของลูกค้าทั้งในเชิงวัฒนธรรม วิถีชีวิตและแนวคิดของคนไทยด้วยกัน พร้อมที่จะให้บริการได้ทันทีเนื่องจากประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่ในประเทศไทย
นอกจากนี้ SCB Julius Baer ยังมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดูแลลูกค้าแบบใหม่ที่เรียกว่า New Operating Rhythm – Single Relationship Manager แม้ว่า SCB Julius Baer จะเน้นการลงทุนต่างประเทศให้ลูกค้า แต่ถ้าลูกค้ามีความต้องการที่จะลงทุนในประเทศไทยด้วยทาง Relationship Manager ก็สามารถดูแลลูกค้าได้ทันทีแบบครบวงจร
สำหรับลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในไทยนั้น SCB Julius Baer คาดว่าปีนี้จะเติบโตได้ไม่มาก โดยแผนการของ SCB Julius Baer ตั้งเป้า 5 ปีจะมีสินทรัพย์ดูแลอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านล้านบาท เพื่อขึ้นแท่นผู้นำด้าน Wealth Management สำหรับลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา