SCB งบไตรมาส 1/2020 กำไรโต 1% ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ล่าสุดประกาศไม่ซื้อหุ้นคืนแล้ว

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB รายงานงบในไตรมาส 1/20 โดยกำไรเพิ่มขึ้น 1% จากปัจจัยของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เติบโตสูง แต่ไตรมาสนี้ธนาคารได้ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ยกเลิกซื้อหุ้นคืนด้วย

SCB Bank ไทยพาณิชย์
ภาพจาก Shutterstock

SCB ได้ประกาศกำไรไตรมาส 1 อยู่ที่ 9,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ของปีที่แล้วอยู่ที่ 1.0.3% โดยรายได้ของไตรมาส 1 นี้อยู่ที่ 37,641 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีที่แล้ว ขณะที่สัดส่วน NPL ล่าสุดอยู่ที่ 3.17% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ 3.54%

รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 25,777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน สาเหตุจากธนาคารในการปรับพอร์ตสินเชื่อด้วยการเพิ่มสัดส่วนของสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง การปรับตัวลดลงของต้นทุนทางการเงิน และการรับรู้รายได้ที่สูงขึ้นของพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยตามมาตรฐานบัญชีใหม่ซึ่งเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ช่วงต้นปี อย่างไรก็ตามฐานรายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังคงได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง จากภาวะดอกเบี้ยขาลง การหดตัวของยอดสินเชื่อรวมในไตรมาสแรกของปี รวมไปถึงรายได้ดอกเบี้ยลดลงหลังธนาคารได้ขายหุ้นของบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิตในปีที่ผ่านมา

รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 11,864 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน เป็นผลส่วนใหญ่จากรายได้ค่าธรรมเนียมประเภท recurring ที่ปรับตัวดีขึ้น ในไตรมาส 1 ของปี 2563 รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่งขยายตัว 31% จากปีก่อน เป็นจำนวน 2,022 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจขายประกันผ่านธนาคารเพิ่มขึ้นห้าเท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นจำนวน 3,159 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากความร่วมมือกับกลุ่มเอฟดับบลิวดีในการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต การขยายฐานรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสนี้สามารถชดเชยผลกระทบของการคิดค่าธรรมเนียมแบบใหม่ตามแนวทางการกำกับดูแลของทางการเมื่อต้นปี และการชะลอตัวของปริมาณการทำธุรกรรมธนาคารในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีจำนวน 16,393 ล้านบาท ลดลง 8% จากปีก่อน เป็นผลจากการไม่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวข้องกับพนักงานตามกฎหมายแรงงานใหม่ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียวที่รับรู้ในปีก่อน และการตัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิตออกจากงบการเงินรวมภายหลังที่ธนาคารได้ขายหุ้นออกไป โดยรวมแล้วอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ในไตรมาส 1 ของปี 2563 ของธนาคารจึงลดลงเป็น 43.6%

ในไตรมาสนี้ธนาคารได้ตั้งเงินสำรองจำนวน 9,726 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับเพียงพอที่ 140%

ขณะเดียวกันธนาคารยังแจ้งแก่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศยกเลิกโครงการซื้อหุ้นคืน มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาทแล้ว โดยได้เหตุผลว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่เป็นช่วงวิกฤติ ที่มีความผันผวนและความไม่แน่นอนสูง และยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อใด และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ธนาคารสามารถเข้าช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารให้ก้าวผ่านวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่นี้ไปได้อย่างดีที่สุด รวมถึงเป็นการทำให้ธนาคารมีความพร้อมในการขยายธุรกิจเมื่อมีโอกาสที่เหมาะสมจากวิกฤติด้วย

ที่มา – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Content Writer ที่สนใจในเรื่องของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ กลุ่ม TMT (Technology, Media, Telecom) การควบรวมกิจการ (M&A) นโยบายทางเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อยทางธุรกิจที่น่าสนใจ